40

การเล่นอวัยวะเพศในเด็ก

การเล่นอวัยวะเพศในเด็กเล็กทั้งหญิงและชายอายุระหว่าง 2-3 ขวบ เป็นพฤติกรรมที่พ่อแม่อาจพบเห็นได้ แต่ไม่ควรตกใจหรือกลัวว่าจะติดเป็นนิสัย และกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาทางเพศ เหมือนที่บางคนกลัวว่าเด็กหญิงจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่สำส่อนทางเพศ หรือผู้ชายเป็นคนที่มีอารมณ์ทางเพศสูง เด็กเล็กยังไม่มีอารมณ์ทางเพศ เพราะฉะนั้นการเล่นอวัยวะเพศในเด็ก จึงเป็นเพียงการสำรวจเพื่อเรียนรู้อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ที่เด็กอาจสัมผัสโดยบังเอิญ แล้วเกิดความรู้สึกดี (ไม่ใช่ความรู้สึกทางเพศ) ทำให้เด็กกระทำเช่นนั้นบ่อยขึ้น เนื่องจากว่าง ไม่มีเพื่อนเล่นหรือเหงา นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เด็กเล่นอวัยวะเพศ ได้แก่ เด็กอาจมีพยาธิเส้นด้ายบริเวณทวารหนัก ทำให้รู้สึกคันในช่วงเวลากลางคืน การทำความสะอาดอวัยวะเพศที่อาจเป็นการกระตุ้นโดยไม่รู้สึกตัว การหยอกล้อเด็กโดยใช้มือจับอวัยวะเพศของเด็กเล่น ทำให้เด็กจั๊กจี้หรือเด็กอาจเห็นการแสดงความสัมพันธ์ทางเพศของผู้ใหญ่ ทำให้เด็กเลียนแบบโดยไม่ทราบว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ดังนั้นเมื่อเห็นเด็กเล่นอวัยวะเพศ จึงไม่ควรตกใจ เฆี่ยนตี ดุ หรือขู่ให้เด็กกลัว แต่ควรเบี่ยงเบนความสนใจชักชวนให้เด็กไปทำกิจกรรมอื่นๆที่สนุกกว่า อย่างปล่อยให้เด็กว่าง และสำรวจว่ามีสาเหตุอื่นดังกล่าวข้างต้นหรือไม่ หากพบว่าเด็กมีพยาธิ ซึ่งอาจจะทำให้เด็กรู้สึกคันบริเวณอวัยวะเพศให้พาไปปรึกษาแพทย์ เพื่อรับยาถ่ายพยาธิ ไม่ควรหยอกล้อเด็ก โดยจับบริเวณอวัยวะเพศของเด็กเล่น หรือเช็ดถูอวัยวะเพศของเด็กบ่อยๆ ขณะทำความสะอาด ควรทำความสะอาดเพียงเบาๆ แล้วเช็ดให้แห้งจะดีกว่า และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ไม่ควรให้เด็กเห็นภาพความสัมพันธ์ทางเพศของผู้ใหญ่ไม่ว่าจากสื่อใด ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)ผู้ประพันธ์

39

อันตรายจากการถูก ตบบ้องหู

ทำไม ถูกตบบ้องหูแล้วทำให้แก้วหูทะลุได้ ? เป็นข่าวครึกโครมติดกระแสสังคมอีกข่าว เมื่อเจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิถูกผู้โดยสารทำร้ายด้วยการเอามือตบบ้องหู สองข้าง จนเป็นเหตุให้แก้วหูทะลุ ทางการแพทย์เรียกการบาดเจ็บของเยื่อแก้วหูที่เกิดจากแรงอัดอากาศนี้ว่า barotrauma (บา-โร-ทรอ-ม่า) คำว่า “baro” หมายถึง ความดัน ส่วนคำว่า “trauma” หมายถึง การบาดเจ็บ ซึ่งการตบบ้องหู หรือช่องหู เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด barotrauma ต่อเยื่อแก้วหูได้ ซึ่งจะเป็นได้ทั้งข้างซ้าย หรือข้างขวา หรือ 2 ข้าง เช่นเดียวกับการได้ยินเสียงระเบิดดังมากข้างหู เป็นข่าวครึกโครมติดกระแสสังคมอีกข่าว เมื่อเจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิถูกผู้โดยสารทำร้ายด้วยการเอามือตบบ้องหู สองข้าง จนเป็นเหตุให้แก้วหูทะลุ ทำไมถูกตบบ้องหูแล้วทำให้แก้วหูทะลุได้ ? ทางการแพทย์เรียกการบาดเจ็บของเยื่อแก้วหูที่เกิดจากแรงอัดอากาศนี้ว่าbarotrauma (บา-โร-ทรอ-ม่า) คำว่า “baro” หมายถึง ความดัน ส่วนคำว่า “trauma” หมายถึง การบาดเจ็บ ซึ่งการตบบ้องหู หรือช่องหู เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด barotrauma ต่อเยื่อแก้วหูได้ ซึ่งจะเป็นได้ทั้งข้างซ้าย หรือข้างขวา หรือ 2 ข้าง …

อันตรายจากการถูก ตบบ้องหู Read More »

38

อันตรายจากการใช้ลิปสติก

ลิปสติก เป็นเครื่องสำอางที่ใช้ทาริมฝีปาก เพื่อให้ความชุ่มชื่น ไม่ให้ผิวแตก ช่วยแต่งเติม และเพิ่มสีสันให้ริมฝีปากสวยงาม ที่สำคัญคือเป็นเครื่องสำอางที่มีโอกาสถูกกลืนกินเข้าไปในร่างกาย จึงต้องพิถีพิถันในเรื่องคุณภาพเป็นพิเศษ เพราะหากมีการปนเปื้อน หรือมีสารที่เป็นอันตราย จะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ อันตรายจากการใช้ลิปสติก อาจเกิดจาก – ตัวผลิตภัณฑ์ ถ้าเสื่อมคุณภาพเพราะผลิตมานาน สารในกลุ่มขี้ผึ้ง และไขมันที่เสื่อมสภาพ มีโอกาสเหม็นหืนได้ อีกทั้งลิปสติกที่ไม่มีฉลากภาษาไทยอาจผสมสีห้ามใช้ จึงเป็นผลติภัณฑ์ผิดกฎหมาย ผู้บริโภคไม่มีโอกาสทราบข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องสำอางชิ้นนั้น โดยเฉพาะชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต และวันเดือนปีที่ผลิต– ตัวผู้บริโภคเอง อาจมีการแพ้เฉพาะบุคคล เช่น แพ้สี น้ำหอม สารกันเสีย สารกันแดด ต้องสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นเอง แล้วหลีกเลี่ยงสารดังกล่าว อาการแพ้ลิปสติก ได้แก่ ริมฝีปากแห้งเป็นขุย ลอก คัน บวมแดง ริมฝีปากมีสีดำ บางรายเป็นตุ่มพอง อักเสบ เมื่อมีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น ต้องหยุดใช้ลิปสติกทันที หากจำเป็นอาจปรึกษาแพทย์ และเภสัชกรต่อไปค่ะ ข้อควรระวังในการใช้ลิปสติก คือ ควรทำความสะอาดริมฝีปากก่อนทาลิปสติก ไม่ควรใช้ลิปสติก หรือพู่กันร่วมกับผู้อื่น เพราะมีโอกาสติดเชื้อโรคได้ และหากลิปสติกที่ใช้อยู่มีลักษณะ …

อันตรายจากการใช้ลิปสติก Read More »

37

อันตรายจากเสียงต่อหู

เสียงที่ดังเกินไปจะมีผลต่อการได้ยิน 2 ลักษณะ คือ 1. หูตึงชั่วคราว มักเกิดภายหลังจากที่ไปได้ยินเสียงดัง ๆ ในช่วงไม่นานนัก เช่น หลังเทศกาลตรุษจีนที่มีการจุดประทัดกันและ 2. หูตึงหรือประสาทหูเสื่อมแบบถาวรมักพบในพวกที่ได้รับเสียงดังติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ เช่นพวกที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเสียงดังอยู่ตลอดเวลา เสียงที่ดังนี้นอกจากจะมีผลต่อการได้ยินแล้วยังมีผลต่อร่างกายและตัวเราอีกหลายด้าน เช่น อาจรบกวนการนอกเสียงที่ดังยังรบกวนประสิทธิภาพในการทำงาน รบกวนการสื่อสารติดต่อทำให้อารมณ์ตึงเครียด หงุดหงิดและอารมณ์เสียได้ง่ายบางรายมีผลต่อร่างกายทำให้เกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคความดันโลหิตสูงและโรคคอพอกเป็นพิษเป็นต้น ในภาวะปัจจุบันนี้ทุกคนควรช่วยกันรณรงค์เพื่อลดมลภาวะจากเสียงด้วยการช่วยกันทั้งในระดับส่วนบุคคลและในระดับสังคมสำหรับแนวทางการลดความดังของเสียงที่เกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อม เช่นการดูแลรักษารถยนต์มอเตอร์ไซค์ให้อยู่ในสภาพดีไม่ติดท่อไอเสียชนิดที่มีเสียงดังรบกวน ดูแลเครื่องมือเครื่องใช้ของตนให้อยู่ในสภาพดีไม่หลวมคลอนก็จะช่วยลดความดังของเสียงขณะใช้งานลงได้บ้างในระดับโรงงานท่านที่เป็นเจ้าของก็ควรที่จะปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับในเรื่องมาตรการการควบคุมเสียงผู้ที่ต้องปฏิบัติงานในที่ที่มีเสียงดังก็ควรใช้เครื่องป้องกันเสียงเป็นต้น โปรดระลึกไว้เสมอว่าประสาทหูที่เสื่อมจากการได้ยินนั้น เป็นการเสื่อมที่ถาวรไม่สามารถแก้ไขให้กลับคืนดีดังเดิมได้จึงควรที่จะเอาใจใส่ระมัดระวังป้องกันไว้เป็นดีที่สุด ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)ผู้ประพันธ์

36

อันตรายของการใช้ยา

ยาทุกตัวย่อมมีทั้งคุณและโทษควบคู่อยู่ด้วยกันเสมอ ในการใช้ยาจึงต้องรู้ว่าควรใช้อย่างไร ใช้ขนาดเท่าไหร่ ถ้าหากไม่จำเป็นจริง ๆ ก็ไม่ควรใช้ยาอย่างพร่ำเพรื่อ อันตรายที่เกิดจากการใช้ยาแบ่งได้ 7 ประเภท ดังนี้ 1. การใช้ยาเกินขนาด (Overdosage toxicity) เช่นรับประทานปริมาณมาก ๆ ทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด (Acidosis) แจถึงตายได้พาราเซตามอล จำนวนมาก ๆ ทำให้ถึงตายได้ฟีโนบาร์บิโทน ขนาดมาก ๆ ทำให้กดศูนย์ควบคุมการหายใจ ผู้ป่วยหยุดหายใจถึงตายได้ยารักษาเบาหวานหลายเม็ด อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไปจนเป็นลมถึงตายได้2. ผลข้างเคียงของยา (Side effect) เช่นทำให้ระคายเคืองต่อกระเพรา (กัดกระเพาะ) เป็นโรคกระเพาะได้ เช่น ยาแอสไพริน ยาแก้ปวดข้อ สเตอรอยด์ รีเซอร์พีนทำให้หูหนวก เสียการทรงตัว เช่น สเตรปโตมัยซินเป็นพิษต่อไต เช่น สเตรปโตมัยซิน ยาประเภทซัลฟาทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (Agranulocytosis) เช่น ไดพัยโรน ซัลฟา เฟนิลบิวตาโซน ยารักษาคอพอก เป็นต้นทำให้มีพิษต่อตับ เช่น เตตราซัยคลีน อีริโทรมัยซิน ไอเอ็นเอช …

อันตรายของการใช้ยา Read More »

35

อันตรายของแสงแดดต่อดวงตา

เป็นที่ทราบกันดีว่าแสงแดด ประกอบด้วยรังสีอัลตร้าไวโอเลต (ultraviolet) หรือที่เราเรียกสั้นๆว่า รังสียูวี (UV rays) ซึ่งเป็นคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นกว่าแสงที่มองเห็นด้วยตา กล่าวคือ แสงที่มองเห็นด้วยตามีความยาวคลื่น 400-700 นาโนเมตร รังสียูวีจึงมีความยาวคลื่นสั้นกว่า 400 นาโนเมตร มีพลังงานสูง และไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แบ่งเป็น 3 ชนิด คือ 1.รังสียูวี ซี (UV C rays,100-280 nm) เป็นรังสียูวีที่มีพลังงานสูงที่สุดและสามารถก่อให้เกิดอันตรายกับผิวหนังและดวงตาได้มากที่สุด โอโซนในชั้นบรรยากาศสามารถกรองไว้ได้หมด แต่ปัจจุบันชั้นโอโซนในบรรยากาศกำลังถูกทำลายมากขึ้น จึงทำให้รังสีชนิดนี้อาจทะลุผ่านลงมาสู่พื้นผิวโลกมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้2.รังสียูวี บี (UV B rays, 280-320 nm) เป็นรังสีที่มีพลังงานน้อยกว่ารังสียูวี ซี ถูกกรองโดยชั้นโอโซนได้บางส่วน รังสีบางส่วนที่ทะลุผ่านลงมายังโลก ในปริมาณน้อยจะกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน (melanin) ทำให้สีผิวคล้ำขึ้น ส่วนรังสีในปริมาณมากจะทำให้ผิวหนังไหม้ เกิดจุดด่างดำ รอยเหี่ยวย่น และเพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งผิวหนัง3.รังสียูวี เอ (UV A rays, 320-400 nm) …

อันตรายของแสงแดดต่อดวงตา Read More »

34

อันตราย คอลลาเจน ไร้มาตรฐาน อาจไตวาย

ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. มีความเป็นห่วงว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “คอลลาเจน” ที่จำหน่ายอยู่นั้นอาจโฆษณาเกินจริง ใช้แล้วไม่ขาวจริง ระยะนี้มีบรรดาหญิงสาวจำนวนไม่น้อยที่ต้องการมีผิวขาวใส นิยมสรรหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “คอลลาเจน” มารับประทาน ซึ่งล่าสุดพบว่าผลิตภัณฑ์ชนิดนี้มีจำหน่ายอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. มีความเป็นห่วงว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “คอลลาเจน” ที่จำหน่ายอยู่นั้นอาจโฆษณาเกินจริง ใช้แล้วไม่ขาวจริง และจากการสำรวจพบว่าผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ได้ขออนุญาต และหากรับประทานเข้าไปจำนวนมากจะส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของไตจนอาจทำให้เกิดอาการไตวายได้ ทีมข่าวสายตรวจระวังภัย ได้รับการร้องเรียนจากหญิงสาวหลายรายว่า ได้หาซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “คอลลาเจน” มารับประทานเพราะหลงเชื่อคำโฆษณาที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตว่าผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เมื่อรับประทานแล้วทำให้ผิวขาวใส เป็นธรรมชาติ โดยเห็นผลทันทีในระยะเวลาไม่นาน แต่ปรากฏว่าเมื่อหาซื้อมารับประทานแล้วกลับไม่ได้ขาวจริงอย่างที่อ้าง “ไม่รู้ว่าเป็นที่ตัวเราหรือว่าเป็นที่ผลิตภัณฑ์ เพราะว่าบางคนเขากิน เขาก็บอกว่าได้ผล หรือว่าเขาอาจจะขาวแต่กำเนิดก็ไม่รู้ แต่สำหรับตัวเรามันไม่ได้ช่วยเรื่องขาวเลย ซื้อคอลลาเจนมารับประทานนานกว่าครึ่งปีแล้วยังไม่ได้ผล จึงเลิกรับประทาน เพราะรู้สึกว่าจะเสียเงินเปล่า” หญิงสาววัย 24 ปี หนึ่งในผู้บริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจน ให้ข้อมูล ทีมข่าวสายตรวจระวังภัย สอบถามไปยัง ดร.ทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ ผู้อำนวยการสำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ระบุว่า ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนที่โฆษณาอย่างกว้างขวางในเวลานี้ร้อยละ 90 …

อันตราย คอลลาเจน ไร้มาตรฐาน อาจไตวาย Read More »

32

ออกกำลังกายอย่างไร เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทอง

วัยทอง ถือเป็นช่วงวัยแห่งความสำเร็จของชีวิตเป็นช่วงที่สตรีมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง มีฐานะมั่นคง มีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่วัยทอง ก็เป็นช่วงวัยแห่งความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเช่นกัน เนื่องจากการลดระดับของฮอร์โมนในร่างกายสตรี ซึ่งอาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านสรีระร่างกาย อารมณ์ และสภาพจิตใจ เพื่อให้สตรียังคงดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีคุณภาพ และมีความสุข การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงถือเป็นเรื่องควรปฏิบัติ ท่าทางการออกกำลังกาย สำหรับสตรี (ใกล้) วัยทอง เพื่อปฏิบัติประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง 1. บริหารไหล่ ยืนตรง หมุนหัวไหล่ ข้อศอก และแขน ท่าละ 20 ครั้ง 2. บริหารลำตัว ไหล่ และขา ยืนตรงเหยียดแขนขึ้นเหนือศรีษะแล้วโน้มตัวลงงอเข่าเล็กน้อย พยายามให้ปลายนิ้วแตะพื้น ทำติดต่อกัน 20 ครั้ง 3. บริหารลำตัวและหลัง ยืนตรงแขนทั้งสองข้างแนบลำตัว เอียงไปด้านข้างของลำตัวจนสุดตัว พยายามให้ปลายนิ้วแตะเข่า สลับซ้ายและขวารวมแล้ว 20 ครั้ง 4. บริหารเองและต้นขา ยืนหันข้างจับพนักเก้าอี้ แกว่งขาคล้ายลูกตุ้ม 20 ครั้ง แล้วสลับไปทำอีกข้างหนึ่ง 5. บริหารน่อง ก้าวเท้าข้างหนึ่งไปข้างหน้า ย่อเข่าหน้า เหยียดขาหลังให้ตึง พร้อมทั้งทิ้งน้ำหนักตัวไปยังผนังห้อง …

ออกกำลังกายอย่างไร เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทอง Read More »

31

ออกกำลังกายคลายเศร้าบรรเทาเครียด

เราสอนกันมานานแล้วว่า การออกกำลังกายเป็นแนวทางหนึ่งที่จะคงไว้ซึ่งร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ความอ้วน และโรคอื่นๆอีกสารพัด และนับวัน ผลการวิจัยยิ่งชี้ชัดว่า การออกกำลังกายช่วยลดอาการทางจิตได้หลายอาการ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือซึมเศร้า ทั้งยังป้องกันการกลับเป็นซ้ำได้ด้วยการออกกำลังกายไม่ได้หมายถึงการออกแรงอย่างหนัก เหงื่อตกมากๆ การออกกำลังกายที่ให้ผลทางสุขภาพจิตนั้นแม้เพียงแค่เดินปกติสัก 10 นาทีก็ได้ผลแล้ว เพราะเราไม่ได้มุ่งหวังจะลดน้ำหนักสัก 1 -2 กิโลกรัมที่ต้องวิ่งเป็นระยะทางไกลๆ วิ่งเร็วๆ ให้เหงื่อแตกพรั่กๆในทางตรงกันข้าม การออกกำลังกายทางจิตวิทยานั้น หมายถึงการทำร่างกายให้แอคทีฟขึ้นเพื่อส่งผลให้ลดอารมณ์ทางด้านลบและเพิ่มอารมณ์ด้านบวกให้มากขึ้น และยิ่งมีการวางแผนให้เหมาะสมก็จะยิ่งได้ผลมากยิ่งขึ้นด้วย แม้ว่า กลไกที่การออกกำลังกายส่งผลลดอาการ เศร้า เครียด กดดัน เหนื่อยล้าจิตใจ หงุดหงิดโมโห หรือแม้แต่สิ้นหวังนั้นยังไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่ในทางสรีรวิทยา การออกกำลังกายช่วยเพิ่มระดับของสารเคมีในสมอง หรือสารสื่อประสาทที่ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น อย่างเช่น เอนดอร์ฟิน (endorphins) ช่วยคลายกล้ามเนื้อ หลับลึกขึ้น ลดฮอร์โมนความเครียด และมีผลให้จิตใจสงบขึ้น ประโยชน์ในทางสุขภาพจิต – เพิ่มความสำเร็จและความเชื่อมั่นในตนเองการออกกำลังกายเพิ่มความรู้สึกว่า เราทำอะไรได้สำเร็จและเมื่อต่อเนื่องนานๆ เข้าก็จะผันเป็นเพิ่มความเชื่อมันในตนเอง ดอกเตอร์คริสตินบอกว่า ความรู้สึกเชื่อมั่นมั่นใจในการเปลี่ยนแปลงตัวเองสำเร็จเป็นพลังด้านบวกที่จะโน้มน้าวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านบวกอื่นๆ ให้เกิดขึ้นตามมา เขายังอธิบายต่อไปว่า เวลาที่คนเราซึมเศร้า เรามักจะคิดว่า เราไม่มีแรง หรือพลังเพียงพอที่จะดูแลตัวเอง …

ออกกำลังกายคลายเศร้าบรรเทาเครียด Read More »

30

ออกกำลังกาย ง่ายนิดเดียว

ผมได้เขียนบทความเชิญชวนให้แฟนๆ เดลินิวส์ทุกท่านรักที่จะดูแลสุขภาพของตนเองและบุคคลในครอบครัวอันเป็นที่รักของท่านมาโดยตลอด และท่านผู้อ่านคงจะจำกันได้ว่า ผมได้แนะนำปฏิบัติการ 8 อ. ที่เพียงพอในการที่จะทำให้ทุกคนมีสุขภาพดีอย่างแน่นอน ซึ่งได้แก่ 1. อย่าปล่อยตัวให้อ้วน 2. รู้จักรับประทานอาหาร 3. การออกกำลังกาย 4. ไม่รับสารอันตรายเข้าร่างกาย 5. อย่าอดนอน 6. เช็คอัพร่างกาย 7. อารมณ์ดี 8. อิมมิวไนเซชั่น 9. การใช้วัคซีนเพื่อป้องกันโรค ในวันนี้ ผมจะขอนำเสนอวิธีการออกกำลังกาย ที่ทุกคนสามารถกระทำได้อย่างง่ายๆ จะปฏิเสธว่าไม่มีเวลา ไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะสม ไม่มีเพื่อน ฝนตกบ่อยๆ แดดร้อนจัดเกินไป หาสถานที่ไม่ได้ หรือ ต้องเดินทางเพื่อไปยังสถานที่ที่จะออกกำลังกาย หลักการของการออกกำลังกาย การออกกำลังกาย หมายถึง การที่เราพยายามจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยมุ่งหวังว่าจะต้องเคลื่อนไหวส่วนใดของร่างกาย นั่นแสดงว่ากล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ให้ส่วนนั้นๆเคลื่อนไหวจะต้องทำงาน เช่น หากเราจะงอข้อศอกให้เต็มที่ ก็แสดงว่ากล้ามเนื้อที่จะดึงกระดูกแขนส่วนใต้ข้อศอกลงไป จะต้องทำงานโดยการหดตัวดึงกระดูกแขนในส่วนที่ต่ำกว่าข้อศอก ให้เกิดการงอข้อศอกเกิดขึ้น เมื่อกล้ามเนื้อทำงาน กล้ามเนื้อก็จะใช้พลังงานจำนวนหนึ่งในการที่จะทำให้เซลล์กล้ามเนื้อทำงานโดยการหดตัว ดังนั้นหากมีการงอข้อศอกหลายครั้ง มีการงอข้อศอกด้วยความรวดเร็วขึ้น มีการงอข้อศอกไปพร้อมๆ …

ออกกำลังกาย ง่ายนิดเดียว Read More »

29

อหิวาตกโรค (cholera)

อหิวาตกโรค (cholera)เป็น โรคติดต่อที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย (Vibrio cholerae) เข้าสู่ร่างกายโดยการรับประทาน เชื้อจะเข้าไปอยู่บริเวณลำไส้ และจะสร้างพิษออกมา ทำปฏิกิริยากับเยื่อบุ ผนังลำไส้เล็กทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง อุจจาระเป็นน้ำสีซาวข้าว ร่างกายเสียน้ำ และเกลือแร่อย่างรวดเร็ว และรุนแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้ โรค นี้พบเป็นโรคประจำถิ่นที่เกิดระบาดขึ้นเป็นครั้งคราวในอัฟริกา เอเชีย ยุโรปตะวันออก และอินเดีย เป็นโรคนำเข้าของประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรปตะวันตก การระบาดไม่ค่อยเกี่ยวพันกับการเดินทางทางอากาศสถานการณ์ของอหิวาตกโรคตลอดปี 2550 กระทรวง สาธารณสุขพบผู้ป่วยที่ยืนยันติดเชื้ออหิวาตกโรค จำนวน 988 ราย เสียชีวิต 7 ราย อัตราตายร้อยละ 0.7 ซึ่งถือว่าต่ำมาก ทางกระทรวงได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ทั้งที่มี และไม่มีรายงานผู้ป่วย เร่งควบคุมป้องกันโรคอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่พบผู้ป่วย ให้แยกผู้ป่วยดูแล และค้นหาเฝ้าระวังผู้ป่วยรายใหม่ และผู้ติดเชื้อที่ยังไม่มีอาการในชุมชนละแวกเดียวกัน เป็นเวลา 10 วัน ขณะนี้มี 2 จังหวัดที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวัง ได้แก่ ยะลา พบผู้ป่วยรายล่าสุดเมื่อ 26 ธันวาคม 2550 …

อหิวาตกโรค (cholera) Read More »

28

หูตึงกับผู้สูงอายุ

หูตึง…กับผู้สูงอายุ ปัญหาเรื่องการได้ยินแย่ลงกับผู้สูงอายุมักเป็นปัญหาของคู่กัน มีคำกล่าวเล่นๆ ว่าเมื่อเราอายุมากขึ้น ทุกอย่างในร่างกายจะหย่อนยานลง ยกเว้นหูเท่านั้นที่ตึงขึ้น ปัญหาหูตึงในผู้สูงอายุมักจะค่อยๆ เกิดขึ้น โดยตัวผู้สูงอายุเองมักจะไม่ทราบว่าตัวเองหูตึง แต่คนรอบข้างมักจะรู้ เพราะในการสนทนาต้องใช้เสียงดังขึ้น เปิดทีวีดังขึ้น ในบางคนอาจจะมีปัญหาเสียงรบกวนในหู (Tinnitus) ซึ่งก่อให้เกิดความรำคาญจนนำมาพบแพทย์ สาเหตุของปัญหาหูตึงในผู้สูงอายุมีอยู่มากมาย โดยสาเหตุเล็กๆ มักเกิดจากความเสื่อมของระบบประสาทการได้ยิน (Cochlear) โดย มักจะเริ่มเสื่อมจากความถี่สูง (high frequency) ก่อนแล้วค่อยๆ เป็นมากขึ้น ปัจจัยที่ส่งเสริมการเกิดหูตึงในผู้สูงอายุ ได้แก่ โรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรคทางไตที่ต้องใช้ยาเรื้อรัง เหล่านี้เป็นปัญหาที่ทำให้ผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาหูตึง ได้ทั้งสิ้น ปัญหาของหูตึงในผู้สูงอายุก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุแย่ลง มีปัญหาในการติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่นๆ รอบๆ ตัว อาจจะเกิดความรำคาญกับบุคคลรอบตัวได้ อาจเกิดอันตรายจากการที่ไม่ได้ยินเสียงเตือนต่างๆ เช่น ของตกใส่ อุบัติเหตุจราจร อาจจะเกิดปัญหาซึมเศร้าในผู้สูงอายุได้ การดูแลรักษา ควรตรวจสมรรถภาพการได้ยินเป็นประจำทุกปี เมื่ออายุเกิน 60 ปี ควบคุมดูแลโรคประจำตัวต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันปัญหาแทรกซ้อนที่อาจทำให้หูตึงได้ ถ้าพบว่าประสาทหูเสื่อมถึงระดับปานกลาง …

หูตึงกับผู้สูงอายุ Read More »

27

หูด

เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง โดยเชื้อไวรัสจะเข้าไปอยู่ในชั้นหนังกำพร้า เกิดเป็นเนื้องอกบนผิวหนัง ผู้ที่เป็นหูดส่วนใหญ่มักจะได้รับเชื้อไวรัสมาจากการสัมผัสโดยตรง ผิวหนังที่ถลอกหรือถูกกดทับจะติดเชื้อหูดได้ง่าย การแกะเกาจะทำให้กระจายไปส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ หูดด้านข้างนิ้วเท้าทำให้นิ้วที่อยู่ติดกันเป็นหูดที่บริเวณผิวหนังที่ชิดกับหูดได้ เราสามารถพบหูดได้ในทุกวัยไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ลักษณะของหูดนั้นจะมีลักษณะเป็นเม็ดนูนแข็ง ผิวขรุขระ มีเม็ดเดียวหรือเป็นหลายเม็ดก็ได้ คนที่ภูมิคุ้มกันต่ำจะมีจำนวนเม็ดมาก ส่วนใหญ่เกิดที่มือหรือเท้า ถ้าเป็นที่ฝ่าเท้าจะคล้ายตาปลา เวลาเดินจะเกิดการกดทับตลอดเวลาจะทำให้มีอาการเจ็บมาก หูดอาจหายได้เองถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 2 ปี แต่ถ้าภูมิคุ้มกันต่ำจะหายยาก ลุกลามได้ง่าย ควรรีบรักษา สำหรับการรักษามีหลายวิธี อาจใช้วิธีทายากัดหูด ที่มีส่วนผสมกรดซาลิไซลิกและกรดแลกติก แต้มหูดวันละ 2 ครั้ง ประมาณ 4-6 สัปดาห์ ซึ่งต้องใช้เวลาและความตั้งใจในการแต้มยา แต่จะไม่เจ็บไม่ปวดไม่เสียเลือด หายแล้วไม่เป็นแผลเป็น หรืออาจใช้วิธีผ่าตัดเอาออก จี้ออกด้วยไฟฟ้า หรือจี้ด้วยความเย็นก็ได้ สิ่งทีมีคนเข้าใจผิดเพราะหลงเชื่อกันมาเรื่อยๆ คือการใช้ธูปจี้หรือการใช้ยากัดหูดแรงๆ ดังนั้นท่านจึงไม่ควรใช้ธูปจี้หรือยากัดหูดแรงๆ เพราะจะทำให้เป็นแผลเป็น ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)ผู้ประพันธ์

26

หูชั้นนอกอักเสบ

หูของคนเราแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน คือ หูชั้นนอก , หูชั้นกลางและหูชั้นใน โดยหูชั้นนอกหมายถึงใบหู รูหู รวมไปถึงแก้วหูการอักเสบของหูชั้นนอกที่พบบ่อย คือการอักเสบของรูหูซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อรา , เชื้อแบคทีเรียหรือผื่นแพ้ก็ได้โดยมากมักเริ่มจากมีความชื้น เช่นน้ำเข้าหูและค้างอยู่ในหูทำให้มีโอกาสที่เชื้อราหรือแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีก่อให้เกิดอาการอักเสบในรูหู การแคะหูทำให้มีแผลถลอกของรูหูและการติดเชื้อตามมาได้โรคผิวหนังบางชนิดก็เกิดกับผิวหนังของรูหูได้เช่นกัน เช่นโรคผิวหนังตกสะเก็ดและโรคผื่นแพ้จะทำให้มีอาการบวมแดงของรูหูร่วมกับมีสะเก็ดลอกของผิวหนังของรูหูร่วมด้วย อาการของหูชั้นนอกอักเสบมักเกิดภายหลังว่ายน้ำหรือแคะหูโดยผู้ป่วยจะมักมีอาการปวดหู , หูเป็นน้ำเยิ้ม คล้ายหูแฉะ เป็นอาการหลักบางรายมีอาการบวมแดงของรูหูและใบหู ซึ่งจะมีอาการหูอื้อตามมาโดยเฉพาะในรายที่มีเชื้อราหรือขี้หูมาก อาจทำให้รูหูอุดตัน ได้ยินไม่ชัดทำให้ผู้ป่วยรำคาญและมาหาแพทย์ สำหรับการรักษา ส่วนใหญ่จะให้การรักษาตามสาเหตุ การทำความสะอาดหูดูดหนอง หรือขี้หูออก แล้วเช็ดด้วยยาปฏิชีวนะหรือยาเพิ่มความเป็นกรดในรูหูจะช่วยให้โรคหายเร็วขึ้น แต่ต้องกระทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการล้างหู หรือแคะหูด้วยตนเองในกรณีที่น้ำเข้าหูแล้วต้องการซับออกให้แห้งโดยใช้คัตตอนบัท หรือสำลีเช็ดหู ก็ควรจะทำด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)ผู้ประพันธ์

25

หากท่านมีอาการเหนื่อยง่าย

ออกซิเจนเป็นสารที่จำเป็นสำหรับการมีชีวิตอยู่ถ้าขาดออกซิเจนคนเราจะถึงแก่กรรมในระยะเวลาอันสั้น การหายใจเป็นการนำออกซิเจนเข้าไปสู่ในปอด และแลกเปลี่ยนกับเลือดที่ไหลมายังปอด ออกซิเจนจะซึมเข้าไปในกระแสเลือด และไหลออกไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในภาวะปกติการหายใจจะเป็นสัดส่วนกับความต้องการออกซิเจนของร่างกาย ปกติแล้วการหายใจควบคุมโดยสมองส่วนกลาง โดยที่เราไม่ต้องคิดที่จะหายใจเอง ในภาวะปกติเราจะไม่รู้สึกเหนื่อย อาการเหนื่อยเป็นความรู้สึกที่บอกตัวเราว่าเราต้องออกแรงหายใจมากกว่าปกติ จะเป็นเพราะเราต้องหายใจเอาอากาศเข้า-ออกเป็นปริมาณมากๆ หรือมีหลอดลมตีบทำให้หายใจลำบากขึ้นก็ได้ คนปกติจะไม่รู้สึกเหนื่อยในขณะที่ใช้ชีวิตและทำงานอย่างธรรมดาประจำวัน แต่จะรู้สึกเหนื่อยเมื่อต้องออกกำลังมาก เช่น ในขณะที่เล่นกีฬา หรือต้องทำงานหนัก เช่น แบกของเป็นต้น การเหนื่อยง่ายถือว่าผิดปกติ ถ้าหากเมื่อออกกำลังหรือทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยในขณะที่คนอื่นๆ ไม่รู้สึกมีอาการเหนื่อยในขณะที่ทำงาน หรือออกกำลังซึ่งแต่เดิมสามารถทำได้โดยไม่มีอาการเหนื่อย ตัวอย่างเช่น แต่ก่อนเดิน 100 เมตรได้ไม่เหนื่อย แต่ในปัจจุบันเดินแล้วเหนื่อยอาการเหนื่อยอาจเกิดขึ้นได้ทั้งจากโรค และไม่ใช่โรค และอาจเกิดจากโรคที่มีอันตรายถึงตายได้ หากรักษาหรือแก้ไขไม่ทัน สาเหตุของการเหนื่อยง่ายจากโรคอาจแบ่งเป็น โรคหัวใจ โรคปอด โรคโลหิตจาง โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ โรคของประสาท และกล้ามเนื้อ สาเหตุของการเหนื่อยง่ายที่ไม่ได้เกิดจากโรคอาจแบ่งเป็น ร่างกายอ่อนแอ เนื่องจากการขาดการอกกำลังกาย (Physical unfit) ร่างกายอ่อนแอ เนื่องจากเพิ่งฟื้นไข้ และขาดอาหาร ร่างกายอ่อนแอ เนื่องจากพักผ่อนไม่พอ มีความเครียดกังวลมาก ท้อแท้ หรือที่เรียกว่าเหนื่อยใจ ผู้ที่มีอาการเหนื่อยง่าย ควรจะไปพบแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการเหนื่อยง่ายเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานในการวินิจฉัยหาสาเหตุอาการเหนื่อยนั้นแพทย์จำเป็นต้องซักถามประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยเฉพาะระบบทางด้านปอด และหัวใจ …

หากท่านมีอาการเหนื่อยง่าย Read More »

Scroll to Top