6 1

อาหารการกินในวัยผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุในที่นี้หมายถึงผู้ที่อยู่ในวัย 60 ปีขึ้นไป ซึ่งในปัจจุบัน เป็นปีที่จะเกษียณอายุของทางราชการ แต่ในอนาคตจะมีคนอายุ 60 ปี แต่ยังแข็งแรงทั้งสุขภาพกายสุขภาพจิต ความคิดความอ่าน การตัดสินใจยังดีอยู่ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้สูงอายุน่าที่จะขยับไปอยู่ที่วัย 65 ปีขึ้นไป โดยทั่วไปร่างกายคนเราจะเริ่มมีการเสื่อมของอวัยวะตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป ดังนั้นการดูแลรักษาสุขภาพที่ดี และถูกสุขลักษณะตั้งแต่ต้นจะช่วยลดโอกาสการเกิดโรค หรือปัญหาทางสุขภาพที่มักเกิดขึ้นเมื่อย่างเข้าสู่วัยสูงอายุ วัยสูงอายุเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ สภาพร่างกายจะเห็นได้ว่าเสื่อมลงตามอายุขัย สภาพจิตใจมีการเปลี่ยนแปลงง่าย ขี้หงุดหงิด มีความวิตกกังวล เนื่องจากการเจ็บป่วย หรือจากการเสื่อมของระบบต่างๆ ในร่างกาย ความสำคัญของอาหารกับวัยผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุมีความต้องการปริมาณอาหารลดลงจากวัยหนุ่มสาว แต่จำเป็นต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และสร้างความต้านทานโรค อาหารมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของแต่ละคน ผู้ที่มีภาวะทางโภชนาการดีมีสุขภาพแข็งแรง มีการดำเนินชีวิตที่ดี ไม่เครียดจนเกินไป การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ภายในร่างกายจะเป็นไปอย่างช้าๆ ทำให้ไม่ค่อยแก่ ในทางตรงกันข้ามผู้ที่มีภาวะโภชนาการไม่ดี เจ็บป่วยดื่มสุรา มีน้ำหนักมากหรือน้อยเกินไป ร่างกายจะเสื่อมโทรมเร็วทำให้แก่เร็ว สำหรับปัญหาเรื่องอาหารการกิน หรือโภชนาการในวัยนี้ มีข้อคิดอยู่ว่า ขอให้รับประทานอาหารให้ครบหมู่ และควบคุมปริมาณโดยดูจากการควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากขึ้น และในกรณีน้ำหนักเกินอยู่แล้ว ควรจะลดน้ำหนักให้ลงมาตามที่ควรเป็นด้วย เพราะโครงสร้างของท่านเสื่อมตามวัย …

อาหารการกินในวัยผู้สูงอายุ Read More »

5 1

อาหารการกินในวัยเด็ก

เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปแล้วว่า อาหารมีส่วนสำคัญอย่างมากในวัยเด็ก ทั้งในด้านการเจริญเติบโตของร่างกาย และการพัฒนาการในด้านความสัมพันธ์ของระบบการเคลื่อนไหวของร่างกาย ตลอดจนในด้านจิตใจและพฤติกรรมในการแสดงออก และปัจจัยที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้เด็กได้รับอาหารที่ถูกหลักทางโภชนาการ ได้แก่ – ครอบครัว ที่คอยดูแลและเป็นตัวอย่างที่ดี – ตัวเด็กเอง ที่จะต้องถูกฝึกฝน – สิ่งแวดล้อม ทำให้การเอาอย่างคนข้างเคียง สำหรับอาหารที่ถูกหลักโภชนาการในวัยเด็กนั้น เราทราบดีอยู่แล้วว่าเด็กต้องการสารอาหารครบทั้ง 6 ประเภท เพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ อาหารที่ให้เด็กควรคิดถึง 3 ประเด็น ด้วยกันคือ – อาหารที่ให้โปรตีน ได้แก่ นม ไข่ เนื้อสัตว์ ตลอดจนโปรตีนจากพืช พวกถั่วเขียว ถั่วเหลือง ดูว่าได้รับเพียงพอหรือยัง– อาหารที่ให้พลังงาน ได้แก่ ข้าว แป้ง น้ำตาล ไขมัน และน้ำมัน ดูว่าเพียงพอหรือยัง อาหารในกลุ่มนี้ พวกน้ำอัดลม หรือขนมหวาน ลูกกวาดต่างๆ ควรจำกัดลง เพราะประโยชน์น้อยมาก และบางทีทำให้มีปัญหาเรื่องฟันผุด้วย– อาหารที่ให้วิตามินและเกลือแร่ ได้แก่ พวก ผัก ผลไม้ …

อาหารการกินในวัยเด็ก Read More »

4 1

อาหารกับมะเร็งต่อมลูกหมาก

อาหารมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก (prostate cancer) การศึกษาวิจัยครั้งใหญ่ติดตามผู้ป่วยชาย 51,529 คน พบว่าอาหารจำพวกไขมัน มันสัตว์ เนื้อแดง เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากอย่างชัดเจน ต่อมามีการศึกษาวิจัยซ้ำในเรื่องเดียวกันที่ฮาวาย ก็พบเช่นกันว่าการบริโภคเนื้อแดงเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ถึงแม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าส่วนประกอบใดของเนื้อแดงที่เป็นสาเหตุของมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่ปัจจุบันเชื่อว่าอาจเป็น heterocyclic aromatic amine หรือ polycyclic aromatic hydrocarbon ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่สำคัญในมนุษย์สำหรับในสัตว์ทดลอง พบว่าสาร heterocyclic amine carcinogen ที่มีชื่อเรียกว่า 2-amino-1-methyl-6-phenylimidazo[4,5-b]pyridine (PhIP) เป็นสารก่อมะเร็งต่อมลูกหมากในหนูทดลอง มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคที่พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุการตายอันดับสองของมะเร็งที่คร่าชีวิตของผู้ชายรองจากมะเร็งปอด พบว่าผู้ชายหนึ่งในสิบคนจะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งมักไม่ค่อยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ทั่วๆ ไปเนื่องจากการศึกษาในศพของผู้ชายในอายุต่างๆ กันที่เสียชีวิตด้วยสาเหตุต่างๆ กัน และไม่เคยเป็นโรคของต่อมลูกหมากเลย พบว่าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 ของผู้ชายที่มีอายุ 50 ปี ร้อยละ 30 ของผู้ชายอายุ 60 ปี และร้อยละ 40 ของผู้ชายอายุ 70 ปี ตรวจพบมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่มิได้คาดคิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากพบได้น้อยมากในผู้ชายที่อายุน้อยละ …

อาหารกับมะเร็งต่อมลูกหมาก Read More »

3 1

อาหารเพื่อสุภาพหัวใจ

อายุที่เพิ่มขึ้น โอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันจะเพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากหลอดเหลอดจะตีบแคบลงตามวัยที่เพิ่มขึ้น เพศชายจะมีความเสี่ยงต่อโรคมากกกว่าผู้หญิง ซึ่งเพสหญิงจะกลับมีความเสี่ยงเท่ากับเพศชายหลังวัยหมดประจำเดือน ในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหัวใจขาดเลือด พบว่าการมีประวัติผู้ที่อยู่ในครอบครัวเป็นโรคหัวใจขาดเลือดเป็นปัจจัยเสี่นงหนึ่งต่อการเป็นโรคนี้ ถ้าทราบว่าบิดาหรือมารดา หรือญาติสนิทเป็นโรคนี้ควรหันมาสนใจลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค ด้วยการปรึกษาแพทย์ ตรวจระดับโคเลสเตอรอล ระดับน้ำตาลในเลือด วัดความดันโลหิต หยุดสูบบุหรี่ เริ่มการออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก และเปลี่ยนพฤติกรรมการดุแลตัวเอง ถึงแม่อายุไม่มากและไม่มีประวัติเป็นโรคหัวใจขาดเลือดในครอบครัวสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่ทุกคนควรมีความรู้ คือ วิธีปฏิบัติตนหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค อาหารเพื่อสุขภาพหัวใจ ข้อปฏิบัติในการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน 1.บริโภคปลาบ่อยขึ้น ปลาเป็นแหล่งของโปรตีนและสารอาหารอื่นๆ รวมถึงกรดไขมันโอเมกา 3 ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง2.บริโภคผัก ผลไม้ ธัญพืชที่ไม่ขัดสี และ ถั่งเป็นประจำ อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งของสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการป้องกันโรคหัวใจ3.บริโภคไขมันที่เหมาะสม โดย จำกัดการบริโภคไขมันทุกชนิด หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์สูง เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิ น้ำมันหรือ ไขมันจากสัตว์ หนังสัตว์ เนย ครีม มาการีน ครัมเทียม น้ำสลัดชนิดข้น อาหารทอด ขนมขบเคี้ยว ขนมอบชนิดต่างๆ เช่น พาย เค้ก คุกกี้ ครัวซองต์ …

อาหารเพื่อสุภาพหัวใจ Read More »

2 1

อารมณ์ซึมเศร้าจากการสูญเสีย

เมื่อมีการสูญเสียเกิดขึ้น คนเราจะเกิดความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจโดยเฉพาะเมื่อต้องสูญเสียคนที่รักมาก เช่น พ่อ แม่ หรือลูก ความรู้สึกซึมเศร้าจะรุนแรงทำให้เกิดอาการเบื่อหน่าย เสียใจ ร้องไห้บ่อยๆ คร่ำครวญถึง คิดถึง ความคิดอาจจะวนเวียนอยู่กับประสบการณ์ในอดีตที่เกี่ยวกับบุคคลที่จากไป เมื่อได้เห็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ของคนนั้นๆ ก็อดเสียใจร้องไห้คิดถึงไม่ได้ อาจมีอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ควบคุมความคิดและอารมณ์ของตนเองได้ยาก อาการซึมเศร้าเมื่อบุคคลที่รักเสียชีวิตไป จะเกิดขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์แรก แล้วจะค่อยๆ ลดน้อยลง เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพของแต่ละคน ในคนปกติจะกลับคืนสภาพจิตใจที่ปรับได้ภายใน 6-12 เดือน หลังจากนั้นก็สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ อาจมีความรู้สึกเศร้าเสียใจบ้างเมื่อคิดถึงบุคคลที่จากไป แต่ก็จะเป็นครั้งคราวช่วงสั้นๆ โดยไม่รบกวนการดำเนินชีวิตปกติ ความสูญเสียอื่นๆ อาจทำให้เกิดอารมณ์ซึมเศร้าได้เช่นกัน เช่น สูญเสียอวัยวะ สูญเสียอาชีพการงาน การหย่าร้างกัน เป็นต้น คนที่มีอาการซึมศร้าจากการสูญเสียหากมีอาการอยู่เป็นเวลานานๆ จนทำให้ปรับตัวกับชีวิตประจำวันได้ยาก ควรมาพบจิตแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)ผู้ประพันธ์

1

อ่านฉลากเครื่องดื่มให้เป็น..เพื่อรู้ปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในนั้นกันดีกว่า

ทุกวันนี้สื่อต่างๆมีแต่หัวข้อที่เกี่ยวกับปริมาณน้ำตาลที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่บริโภคเข้าไปเป็นจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม เครื่องดื่มเกลือแร่ ชาเขียวและชาเย็นบรรจุขวด น้ำหวานบรรจุขวด ทุกวันนี้สื่อต่างๆมีแต่หัวข้อที่เกี่ยวกับ ปริมาณน้ำตาลที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่บริโภคเข้าไปเป็นจำนวนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม เครื่องดื่มเกลือแร่ ชาเขียวและชาเย็นบรรจุขวด น้ำหวานบรรจุขวด รวมถึงเครื่องดื่มวิตามิน ขณะที่เครื่องดื่มคาเฟอีน เช่น ลาเต้ หรือคาปูชิโน่เย็นก็เต็มไปด้วยน้ำตาล ปริมาณน้ำตาลอันน่าตกใจ จากการสำรวจเกี่ยวกับปริมาณน้ำตาลในอาหาร ระหว่างปี 2001-2004 สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งสหรัฐได้สรุปว่าชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยบริโภคน้ำตาล 22 ช้อนชาต่อวัน และปัจจุบันมีการประเมินว่าน่าจะสูงกว่านั้นมาก ขณะที่สถิติล่าสุดปี 2011 ในแคนาดาพบว่าทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่บริโภคน้ำตาลโดยเฉลี่ย 26 ช้อนชาต่อวัน การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคอ้วนซึ่งจะนำไปสู่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคอื่นๆตามมาอีกมากมาย เอาใจใส่ อ่านฉลาก และให้ความสำคัญกับปริมาณน้ำตาล การอ่านฉลากโภชนาการไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็มีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่งเพื่อที่เราจะนำมาใช้เป็นปริมาตรวัดแบบง่ายๆ ก่อนจะเลือกรับประทานอะไรเข้าไป การแปลงค่าของหน่วยวัดจากกรัมเป็นปริมาณช้อนชาอาจจะทำให้คุณตกตะลึงแทบช็อค กันเลยทีเดียว งั้นเราไปดูกัน..ปริมาตรวัดแบบง่ายๆ : น้ำตาล 4 กรัมจะเท่ากับน้ำตาล 1 ช้อนชา น้ำอัดลม ในน้ำอัดลมมีปริมาณน้ำตาลมากเท่าไร? นี่คือฉลากแสดงข้อมูลโภชนาการของโคล่าบรรจุขวดขนาด 591 มล. เรามาคำนวณปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในเครื่องดื่มยอดนิยมนี้เป็นจำนวนช้อนชากันดี …

อ่านฉลากเครื่องดื่มให้เป็น..เพื่อรู้ปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในนั้นกันดีกว่า Read More »

99

อาการหอบหืดในเด็ก

อาการหอบหืดในเด็กวัยก่อนเข้าโรงเรียนจากการศึกษาวิจัยในเด็กวัยก่อนเข้าโรงเรียน อายุ 2-5 ปี จำนวน 689 คน พบว่าผู้ปกครอง และคุณครูรายงานอาการหอบหืดและการกำเริบของอาการหอบหืดมากถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมด ในขณะเดียวกันผู้ปกครองรายงานว่าเด็กวัยก่อนเข้าโรงเรียนเรียนมีการกำเริบ ของอาการและต้องไปพบแพทย์บ่อยมาก อีกทั้งได้รับการรักษาควบคุมอาการด้วยยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทานบ่อยกว่า เด็กในวัยอื่นๆ คณะผู้วิจัยประเมินว่าข้อมูลดังกล่าวต่ำกว่าความเป็นจริง สาเหตุที่สำคัญเป็นเพราะอาการหอบในเด็กเล็กนั้นผู้ป่วยไม่สามารถบอกเองได้ ต้องอาศัยการสอบถามข้อมูลจากผู้ปกครอง บิดามารดา ทำให้ข้อมูลที่ได้ทำการเก็บรวบรวมน่าจะน้อยกว่าที่ควรจะเป็น การวินิจฉัยเด็กเล็กหรือเด็กวัยก่อนเข้าโรงเรียนที่มีอาการหอบหืด คำที่ใช้เรียกกลุ่มอาการนี้มีหลากหลายและแตกต่างกัน ในสหรัฐอเมริกาใช้คำว่า asthmatic bronchitis ในประเทศสวีเดนใช้คำว่า obstructive bronchitis ในประเทศนอรเวย์ใช้คำว่าbronchiolitis อาการ เหล่านี้เป็นโรคในกลุ่มเดียวกันที่มีความแตกต่างกันบางประการ ไม่ได้เป็นโรคเดียวกันทั้งหมด กลุ่มที่เป็นโรคภูมิแพ้ชัดเจนพบว่าเมื่อโตขึ้นจะมีอาการของโรคภูมิแพ้โรคใด โรคหนึ่งปรากฎอย่างเด่นชัด จากการศึกษาในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ที่เป็นหอบหืด พบว่าร้อยละ 80 ของกลุ่มนี้จะมีอาการก่อนอายุ 2 ปี อย่างไรก็ดีเด็กวัยก่อนเข้าโรงเรียนกลุ่มหนึ่งจะเกิดอาการหอบหืดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมักจะหายไปเมื่อโตขึ้น บาง คนมีลักษณะที่อยู่กึ่งกลางระหว่างภูมิแพ้กับหอบหืดจากการติดเชื้อไวรัส ไม่สามารถแบ่งแยกกันได้อย่างเด็ดขาดชัดเจน ทำให้สามารถมองเห็นภาพทั้งหมดของกลุ่มอาการ “cough and wheeze” ใน เด็กเล็กได้ว่าประกอบด้วยกลุ่มย่อยๆ ที่อาจแยกออกจากกันได้ยาก หรืออีกนัยหนึ่งอาการอย่างเดียวกันอาจเกิดจากโรคที่มีพยาธิสภาพที่แตกต่าง …

อาการหอบหืดในเด็ก Read More »

98

อาการเสียงแหบ

เสียงแหบ เสียงหายขณะพูด เสียงแตกพร่าเป็นอาการแสดงของโรคบริเวณเส้นเสียงหรือสายเสียง สาเหตุที่พบบ่อยได้แก่ความผิดปกติที่สายเสียง เช่น สายเสียงบวมอักเสบ หรือเป็นอัมพาตเสียงแหบบางอย่างเกิดจากการใช้เสียงที่ไม่ถูกต้องจากการพูดตะโกนการใช้เสียงดังติดต่อกันเป็นเวลานานเช่นการเชียร์กีฬาพวกที่เป็นหวัดเจ็บคอแล้วการอักเสบลุกลามลงไปยังกล่องเสียงก็จะทำให้มีอาการเสียงแหบตามมาได้ กลุ่มผู้ป่วยพวกนี้มักเป็นช่วงสั้น ๆและอาการดีขึ้นภายหลังการพักเสียง การดื่มน้ำและการรักษาตามอาการพวกที่เสียงแหบเรื้อรังเกินกว่า 2 สัปดาห์ต้องได้รับการตรวจจากแพทย์เพื่อดูความผิดปกติที่สายเสียงสิ่งที่พบได้บ่อยได้แก่ตุ่มที่สายเสียงซึ่งมักพบในผู้ที่มีอาชีพต้องใช้เสียงเช่น ครู นักร้องและมะเร็งบริเวณกล่องเสียงโดยเฉพาะในผู้ป่วยสูงอายุที่มีอัตราเสียงต่อการเกิดมะเร็งสูง เช่นพวกที่กินเหล้า สูบบุหรี่เป็นประจำ คำแนะนำทั่วไปสำหรับการถนอมเสียงคือ หลีกเลี่ยงการตะโกนหรือกรีดร้องไม่ควรทำเสียงแปลกพิสดาร เค้นเสียงหรือเกร็งคอขณะพูดพึงหลีกเลี่ยงการพูดในที่ที่มีเสียงดังและการพูดควรใช้ระดับเสียงที่เป็นธรรมชาติของตัวเอง ไม่สูงหรือต่ำเกินไป โดยมีการหยุดเว้นวรรคตอนเพื่อเป็นการพักเสียง งดการสูบบุหรี่ควรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีปราศจากฝุ่นควันและกลิ่น การกระทำดังกล่าวจะทำให้ท่านมีเสียงที่สดใสมีคุณภาพ และคงอยู่กับท่านนานเท่านาน ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)ผู้ประพันธ์

97

อาการเวียนศีรษะ

หมายถึงกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นจากการได้รับความรู้สึกเกี่ยวกับการทรงตัวที่ผิดปกติตัวอย่างคำที่ผู้ป่วยใช้อธิบายอาการเวียนศีรษะ ได้แก่ บ้านหมุน ตัวเบา ๆลอย ๆ หน้ามืด โคลงเคลงคล้ายอยู่ในเรือ งุ่มง่ามรู้สึกเหมือนศีรษะจะคะมำไปข้างหน้า หรือรู้สึกเหมือนตัวจะลื่นไถลบางคนอาจรู้สึกเหมือนกำลังจะตกจากที่สูงหรือมีความรู้สึกว่าจะล้มไปทางด้านใดด้านหนึ่ง สาเหตุของการเกิดอาการเวียนศีรษะ การที่ร่างกายของคนเราสามารถทรงตัวอยู่ได้และรับรู้ว่าศีรษะและร่างกายอยู่ในท่านั้นสมองต้องได้รับข้อมูลจากอวัยวะในการรับความรู้สึกที่เกี่ยวกับระบบการทรงตัว 3 ระบบ คือ 1. อวัยวะทรงตัวในหูชั้นใน 2. อวัยวะรับรู้โดยการเห็น ได้แก่ ตา 3. อวัยวะรับความรู้สึกจากล้ามเนื้อและข้อ ถ้ามีความผิดปกติของการทำหน้าที่ของอวัยวะดังกล่าว หรือสมองส่วนกลางที่ทำหน้าที่แปลผล ก็จะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะขึ้นมาได้ สาเหตุของอาการเวียนศีรษะ ส่วนใหญ่เกิดจากโรคของหูชั้นในและเส้นประสาทหู โดยพบถึงร้อยละ 70 ของผู้ป่วยที่มาด้วยอาการเวียนศีรษะ ที่เหลือพบว่าเกิดจากโรคทางสมองโรคทางจิตเวช โรคทางตาและอื่น ๆ เมื่อเราไปพบแพทย์หู คอ จมูก ด้วยเรื่องอาการเวียนศีรษะจะได้รับการวินิจฉัยและตรวจรักษาดังต่อไปนี้ 1. การซักประวัติ เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญที่สุดในการวินิจฉัยโรคประวัติที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคที่เป็นสาเหตุของอาการเวียนศีรษะ ได้แก่– ลักษณะอาการเวียนศีรษะ เช่น บ้านหมุน โคลงเคลงมีอาการเวียนศีรษะเมื่อเปลี่ยนท่าทาง ระยะเวลาทีเกิดเกิดขึ้นทันทีทันใดหรือค่อยเป็นค่อยไปและระยะเวลาที่เป็นแต่ละครั้งมีอาการอยู่นานแค่ไหน– อาการร่วมทางหู เช่น มีหนองไหลจากหู เสียงดังในหู หรือหูอื้อ– อาการร่วมทางระบบประสาท เช่น หมดสติ ตามองเห็นภาพซ้อนชา …

อาการเวียนศีรษะ Read More »

96

กิน-อยู่ อย่างไรให้ห่างไกลอัมพฤกษ์ อัมพาต

อัมพฤกษ์-อัมพาต คือ โรคที่ผู้ป่วยมีอาการชา ไม่มีแรง หรือสูญเสียการใช้ของอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น แขน ขาไม่มีแรง ชา หรือยกแขน ขาไม่ได้ ถ้าเป็นมากอาจเป็นทั้งแขนและขา อาจหมดสติ หรือถึงกับเสียชีวิตได้ในทันที สาเหตุของอัมพฤกษ์-อัมพาตมีมากมาย ตั้งแต่โรคของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอาจมีการตีบ อุดตัน หรือเลือดออก (เรียกว่า cerebrovascular diseases หรือ CVA หรือ stroke) แต่อาจจะเกิดจากโรคมะเร็ง หรือก้อนเนื้อที่ไม่ใช่มะเร็ง หรืออาจจะเป็นโรคของเซลล์ประสาทเองก็ได้ ในที่นี้จะขอพูดเฉพาะโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง ปัจจัยเสี่ยงของการที่หลอดเลือดจะตีบและอุดตัน (atherosclerosis) ก็คล้ายๆโรคของหลอดเลือดตีบและอุดตันทั่วร่างกาย โดยเฉพาะหลอดเลือดของหัวใจ กล่าวคือ พันธุกรรม เพศชายอายุ ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน อ้วน ไม่ออกกำลังกาย ความเครียด ซึ่งพยาธิสภาพของหลอดเลือดมักมีขึ้นตั้งแต่เกิด แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย โดยทั่วๆไปแล้วก่อนที่จะมีอาการโดยเฉพาะที่หัวใจ หลอดเลือดมักต้องตีบ 50-75% ของเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือด ทั้งนี้จะต้องมีการแตกของ “ก้อนไขมัน” ที่อยู่ใต้ผนังหลอดเลือดทำให้มีปฏิกิริยาและเกิดการอุดตันของหลอดเลือด ฯลฯ ผู้ที่เป็นอัมพฤกษ์-อัมพาตมักจะมีอาการขึ้นมาทันทีทันใด คือพูดไม่ได้ หรือ แขน ขาไม่มีแรง ชา หรือเคลื่อนไหวไม่ได้ ความผิดปกติอาจเป็นแค่นี้ …

กิน-อยู่ อย่างไรให้ห่างไกลอัมพฤกษ์ อัมพาต Read More »

95

กินอย่างไรจะห่างไกลโรคในวัยทอง

การกินดี หมายถึงการกินอาหารให้ได้คุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน พอเพียงและพอดี อันจะนำมาซึ่งสุขภาพดีทั้งในปัจจุบันและอนาคตการกินดีอยู่ดีมาตลอดตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ย่อมจะส่งผลดีต่อไปในอนาคตคือ เป็นผู้ใหญ่วัยทองที่แข็งแรง ปราศจากโรค สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ทำประโยชน์ให้กับครอบครัวและสังคมส่วนรวมได้ด้วย แต่ถ้าปฎิบัติตนไม่ถูกต้องทั้งในด้านการกิน การเสพ ผลก็คือเป็นผู้ใหญ่ที่แม้ว่าจะมีชีวิตยืนยาวก็ไม่สมบูรณ์ อาจมีโรคแห่งความเสื่อมรบกวน เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรคกระดูกโปร่งบางหักง่าย โรคมะเร็ง ฯลฯ การบริโภคอาหารด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อสุขภาพอันดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต จำเป็นต้องอาศัยความรู้เรื่องคุณค่าของอาหาร ประกอบกับความตั้งใจแน่วแน่ที่จะบริโภคเพื่อสุขภาพมากกว่ารับประทานตามใจปาก โดยมีหลักปฏิบัติคือ– เลือกอาหารที่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการดี– เลือกอาหารที่ประหยัด คือ อาหารที่หาง่ายในท้องถิ่นหรือมีตามฤดูกาลและรับประทานอย่างคุ้มค่า ไม่เหลือทิ้ง– เลือกอาหารที่ปลอดภัยจากสารพิษทั้งปวง เช่น สีสังเคราะห์ สารก่อมะเร็ง ฯลฯ การเลือกอาหารให้มีความหลากหลายไม่จำเจในหมวดต่างๆ มีหลักดังนี้ หมวดข้าว ควรเป็นข้าวที่ไม่ขัดจนขาว ซึ่งจะได้รับใยอาหารและวิตามินที่ป้องกันโรคเหน็บชามากกว่าข้าวขาว หมวดเนื้อสัตว์ แหล่งอาหารให้โปรตีนคุณภาพดีและมีไขมันน้อย เช่น เนื้อปลา ควรบริโภคทั้งปลาน้ำจืดซึ่งหาได้ง่ายในท้องถิ่น ปลาทะเลซึ่งให้ธาตุไอโอดีนป้องกันคอพอก และปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทู ปลาโอ ปลาซาบะ ซึ่งมีกรดไขมันชนิดโอเมก้า 3 ที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดตีบหรืออุดตันและจะทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด สมองขาดเลือดตามมา พร้อมกับบริโภคเนื้อสัตว์อื่นๆ …

กินอย่างไรจะห่างไกลโรคในวัยทอง Read More »

94

กินน้ำตาลเกิน 6ช้อน/วัน เสี่ยงต่อโรคมากมาย

ปกติร่างกายเรามีโควต้าในการทานน้ำตาลในแต่ละวันอยู่แล้ว ซึ่งโควต้าที่ว่าจะหมายถึงน้ำตาลที่ถูกปรุงแต่งไว้ในอาหารแต่ละมื้อของเรา แต่นอกจากน้ำตาลที่ถูกปรุงแต่งไปนอาหารแล้วเรายังสามารถทานน้ำตาลได้อีก 6ช้อนชา/วัน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่ร่างกายเราต้องการต่อวัน แต่ถ้าหากเราทานเกิน 6ช้อนชา/วัน เราก็จะเสี่ยงต่อโรคต่างๆ หลายๆคนอาจจะคุ้นกับโรคเบาหวาน แต่รู้หรือไม่ นอกจากทานหวานแล้วเสี่ยงต่อโรคเบาหวานแล้วยังมีโรคอื่นๆอีกมากมายที่เสี่ยงที่จะเป็นนั่นก็คือ– โรคหัวใจ– โรคภาวะจอประสาทตาเสื่อม– ไตเสื่อม– หลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งอาหารนอกจากมื้อหลักที่เราทานก็จะมีส่วนผสมน้ำตาลอยู่มากมาย เรามาดูกันว่าในเครื่องดื่มยอดฮิตแต่ละอย่าง มีน้ำตาลอยู่ทั้งหมดเท่าไหร่บ้างไปดูกันเลย– น้ำอัดลม มีน้ำตาลประมาณ 6 ช้อน– กาแฟ มีน้ำตาลประมาณ 9 ช้อน– ชานมไข่มุก มีน้ำตาลประมาณ 11 ช้อน จะเห็นได้ว่าเครื่องดื่มแต่ละอย่างมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่าที่ร่างกายเราต้องการมากถ้าอยากลดต้องทำยังไง? น้องตาโตมี Trick มาฝากดังนี่ – ลดโดยการใช้น้ำตาลเทียม โดยน้ำตาลเทียม ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พอเราค่อยๆลดได้แล้วก็สามารถเลิกใช้ได้เลย– ค่อยๆลดปริมาณน้ำตาลในการปรุง– เวลาทานก๋วยเตี๋ยวแห้งให้ลองเปลี่ยนมาทานแบบน้ำแทน ซึ่งเวลาเราทานเราก็ทานเอาแต่เส้นและเนื้อสัตว์เข้าไปโดยไม่ต้องทานน้ำก๋วยเตี๋ยวเข้าไปด้วย เป็นยังไงบ้าง น้องตาโตมีวิธีลดน้ำตาลง่ายๆที่สามารถทำได้มาฝาก ทุกคนสามารถทำได้เลย ลดน้ำตาลต้องลดตอนนี้ อย่ารอ มารักสุขภาพไปพร้อมกับเรา

93

กินอย่างไรเมื่อเป็นเบาหวาน

“อาหารเบาหวาน” ไม่ใช่อาหารที่มีความพิเศษแตกต่างจากอาหารที่เรารับประทานในชีวิตประจำวันแต่อย่างไร ดังนั้น ผู้ที่เป็นเบาหวานสามารถรับประทานอาหารได้เหมือนคนปกติทั่วไป เพียงแต่เพิ่มความระมัดระวังในการเลือกชนิดอาหารที่มีคุณภาพ และควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานให้เหมาะสมมากขึ้นสักหน่อย เพื่อที่จะไม่ให้ได้รับน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายมากจนเกิน เมื่อมาถึงจุดนี้เรามักจะพบเจอประเด็นคำถามเกี่ยวกับกินอย่างไรเมื่อเป็นเบาหวาน มากมายหลายคำถาม วันนี้เรามาดูประเด็น คำถามที่พบได้บ่อยคำถามหนึ่ง คือประเด็นคำถามที่ว่า “อาหารอะไรบ้างที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น” เพื่อเป็นการตอบคลายข้อสงสัยดังกล่าว เรามาดูกันเลยว่ามีอาหารประเภทใดกันบ้าง โดยปกติอาหารที่เรารับประทานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ข้าว-แป้ง ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ นม ไข่ ล้วนมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่ในปริมาณมากน้อยที่แตกต่างกัน และเราพบว่าอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบจะมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารประเภท โปรตีน หรือไขมัน ดังนั้นเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ผู้ที่เป็นเบาหวานจึงควรมีการควบคุมปริมาณอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม แล้วอาหารอะไรบ้างที่มีคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบ คำตอบคือคาร์โบไฮเดรตเราพบในอาหารประเภทต่างๆดังต่อไปนี้ คือ ข้าว-แป้ง น้ำตาล ผัก ผลไม้ นมและผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น ซึ่งเราไม่พบคาร์โบไฮเดรตในอาหารประเภท เนื้อสัตว์ และไขมัน อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต 1.น้ำตาล : น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว โดยน้ำตาลจะเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดได้ 100% ในระยะเวลาเพียง 15-30 นาทีเท่านั้น ซึ่งนั่นคือทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างอาหารที่มีน้ำตาลมาก ได้แก่ น้ำตาลทราย น้ำหวาน น้ำอัดลมทุกประเภท …

กินอย่างไรเมื่อเป็นเบาหวาน Read More »

92

การออกกำลังกายในฤดูร้อน

ในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปมากมายหลายเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการพูดถึงการทำลายสิ่งแวดล้อม/ การปลูกป่า/ การใช้ชีวิตประจำวันที่มีส่วนในการทำลายสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา/ มีการกล่าวถึงอุณหภูมิของโลกที่นับวันแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความน่ากลัวต่อคนรุ่นต่อๆ ไป ที่จะต้องเผชิญต่อภาวะที่นับว่าเลวร้ายต่อพลเมืองโลกในอนาคต สำหรับเมืองไทยของเรา ความร้อนของบรรยากาศโดยรวมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ภาคไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ส่วนภาคใต้นั้นอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเล มีเรื่องลมและฝนตกช่วยให้คลายร้อนได้อยู่บ้าง แต่ก็มีความรุนแรงในเรื่องอื่นๆ ที่ทำให้ผู้คนไม่มีความสุขในบางจังหวัด ซึ่งไม่ใข่ฤทธิ์ของความร้อนของบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่ท่านควรทราบสำหรับการออกกำลังกายในฤดูร้อน เวลาออกกำลังกายแล้วทำไมเกิดความร้อนในร่างกาย?เวลาออกกำลังกายจะต้องอาศัยการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น กล้ามเนื้อขาและต้นขา เวลาเราจะวิ่งกล้ามเนื้อแขน มือ ไหล่ จะถูกใช้งานเวลาเล่นกีฬาที่ต้องใช้แขน เช่น บาสเกตบอล ปิงปอง แบดมินตัน กอล์ฟ เป็นต้น พลังงานที่เกิดขึ้นจากการทำงานของกล้ามเนื้อเพียงหนึ่งในสี่ส่วนเท่านั้นที่ใช้ไปการทำให้เกิดการเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนที่ ส่วนที่เกิดขึ้นอีก สามในสี่ส่วน จะส่งผลให้เกิดความร้อนขึ้นมา ซึ่งหากออกกำลังกายยิ่งนานเท่าใด ร่างกายจะต้องมีวิธีการกำจัดความร้อนที่เกิดขึ้นนี้ออกนอกร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ มิฉะนั้นจะทำให้เกิดความร้อนมากเกินสะสมอยู่ในร่างกายทำให้ภาวะที่เรียกว่า HYPERTHERMIA (OVERHEATING) จนบางครั้งทำให้เกิดภาวะหมดสติเพราะความร้อนเกินได้ที่เรียกว่า HEAT STROKE ในช่วงก่อนออกกำลังกายที่เราแนะนำให้ทุกคนอบอุ่นร่างกาย หรือ การ WARM-UP นั้น เราพบว่าอุณหภูมิในร่างกายช่วงที่มีการอบอุ่นร่างกายจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3 องศาเซลเซียส และเมื่อออกกำลังกายต่อไป ร่างกายก็จะมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นไปตามลักษณะร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป …

การออกกำลังกายในฤดูร้อน Read More »

91

การออกกำลังกายแอโรบิค

ทำไม่จึงต้องออกกำลังกาย การป้องกันเสริมสร้างสุขภาพ เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลสุขภาพ เพราะได้ผล และประหยัดที่สุด สุขภาพที่ดี คือ ดีทั้งทางกาย และใจ ขณะนี้สาเหตุการตายของประชาชนในประเทศที่พัฒนาแล้ว ได้เปลี่ยนจากโรคติดเชื้อ เป็นโรคที่ไม่ติดเชื้อ และจากพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ยาเสพย์ติด เพศสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม ฯลฯ คนเราทุกคนจะต้องแก่ เจ็บ และตายทุกคน แต่ในปัจจุบันนี้เราสามารถป้องกันโรคได้หลายโรค ฉะนั้น จึงควรแก่อย่างมีคุณภาพ และไม่ควรเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ โรค และสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้คนไทยเสียชีวิต 1. ปัจจุบันนี้ โรคที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด 3 อันดับแรกต่อประชากร 100,000 คน คือ– โรคหัวใจ และหลอดเลือด– อุบัติเหตุ และสารเป็นพิษ– โรคมะเร็ง 2. โรคที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้สูงอายุ คือ โรคอัมพาต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน โรคสมองเสื่อม การหกล้ม และกระดูกหัก ฯลฯ …

การออกกำลังกายแอโรบิค Read More »

Scroll to Top