35 1

เครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัต

เครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัติการตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดมีความสำคัญมากในการวินิจฉัยโรคเลือดและโรคอื่นๆอีกหลายชนิด ถือเป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการพื้นฐานที่ควรรู้จัก เรียกว่า complete blood count (CBC) โดยทั่วไปแพทย์เลือกการตรวจที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย และกระทำอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด ปัจจุบันได้มีการนำเครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัติ (automated CBC) มาใช้อย่างแพร่หลาย พบว่าการตรวจด้วยเครื่องอัตโนมัติช่วยทุ่นแรงในการตรวจคัดกรองตัวอย่างเลือดปกติได้เป็นอย่างดี และยังสามารถช่วยในการวินิจฉัยโรคบางโรคได้อย่างแม่นยำในเบื้องต้น เทคนิคที่ใช้ในการนับจำนวนเม็ดเลือดโดยเครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัติ มีสองวิธีใหญ่ๆคือ วิธีวัดเซลล์เม็ดเลือดที่วิ่งผ่านรูเล็กๆภายใต้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า และวิธีใช้แสงเลเซอร์ส่องผ่านไปยังเซลล์เม็ดเลือดแล้วตรวจดูการหักเหของแสงด้วยตัวรับในมุมต่างๆ สำหรับวิธีวัดเซลล์เม็ดเลือดที่วิ่งผ่านรูเล็กๆภายใต้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า เครื่องจะทำการตรวจสองครั้ง ครั้งแรกตรวจเลือดที่ทำให้เจือจางเพื่อตรวจนับเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดก่อน โดยแยกที่ขนาดของเซลล์ เซลล์ที่มีขนาด 0.20 fl จะนับเป็นเกล็ดเลือดในขณะที่เซลล์ขนาด 50-200 fl จะนับเป็นเม็ดเลือดแดง การตรวจครั้งที่สอง เครื่องจะใช้ตัวอย่างเลือดที่ผสมสารซึ่งทำให้เม็ดเลือดแดงแตกเพื่อทำการตรวจนับเม็ดเลือดขาวอีกครั้งส่วนวิธีที่สองคือวิธีใช้แสงเลเซอร์ส่องผ่านไปยังเซลล์เม็ดเลือดแล้วตรวจดูการหักเหของแสงด้วยตัวรับในมุมต่างๆ วิธีนี้ใช้แสงเลเซอร์ส่องผ่านไปยังเซลล์เม็ดเลือด และตรวจดูการหักเหของแสงด้วยตัวรับในมุมต่างๆซึ่งรูปแบบของการหักเหนี้จะขึ้นอยู่กับจำนวนขนาด และส่วนประกอบภายในเซลล์การนับแยกเม็ดเลือดขาวมีได้หลายแบบขึ้นกับชนิดและหลักการทำงานของเครื่อง โดยอาจแบ่งเป็นแบบใหญ่ๆได้ดังนี้ แบบแรกแบ่งเม็ดเลือดขาวออกเป็น 3 ชนิดโดยดูขนาดของเซลล์ที่วัดได้ ขนาด30-90 fl เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟซัยท์ (lymphocyte) ขนาด 90-160 fl เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดโมโนนิวเคลียร์เซลล์ (mononuclear cell) และขนาด 160-450 fl เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแกรนูโลซัยท์ (granulocyte)แบบที่สองจะแบ่งเม็ดเลือดขาวออกเป็น 5 …

เครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัต Read More »

34 1

เครื่องไตเทียมช่วยฟอกเลือด

การฟอกเลือด หมายถึงนำเลือดออกจากร่างกายผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ผ่านเข้าเครื่องไตเทียม แล้วให้เครื่องทำการฟอกเลือดเหมือนกับไตที่ทำหน้าที่ตามปกติ โดย ปกติแล้วไตมีหน้าที่หลักๆ คือ กำจัดของเสีย และปรับระดับเกลือแร่รวมทั้งสมดุลของสารน้ำในร่างกาย เมื่อเครื่องไตเทียมทำหน้าที่ฟอกเลือดแล้ว จึงนำเลือดกลับเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วยในระบบที่ปราศจากการปนเปื้อนเครื่องไตเทียม (หรืออาจเรียกว่า “เครื่องฟอกเลือด”)ใช้ ตัวกรองช่วยทำให้เลือดสะอาด อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนของเสีย เกลือแร่ ระหว่างเลือดกับน้ำยาฟอกเลือด ในขณะที่เลือดไหลผ่านตัวกรอง ซึ่งมีลักษณะเป็นหลอดเล็กๆ เหมือนหลอดเลือดฝอยที่มีรูขนาดเล็กมากๆ อยู่ที่ผนังของหลอด และมีน้ำยาฟอกเลือดไหลผ่านอยู่ด้านนอกเลือดของเสียที่มีระดับสูงในเลือดจะ เคลื่อนผ่านผนังของตัวกรองเข้าไปอยู่ในน้ำยาฟอกเลือดทำให้ระดับของเสีย ในเลือดลดลงส่วนน้ำและเกลือแร่จะมีการเคลื่อนผ่านผนังของตัวกรอง ทำให้ระดับของเกลือแร่และดุลของสารน้ำในร่างกายเป็นปกติ ประโยชน์ที่ได้รับจากเครื่องไตเทียม อาการอันเกิดจากการคั่งของเกลือ และของน้ำ ได้แก่ อาการบวม หอบ เหนื่อย นอนราบไม่ได้ จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็น ได้ภายใน 1 – 2 วัน ความดันโลหิตที่สูงอยู่ก่อนจะลดลงและควบคุมได้ดีขึ้น หากมีภาวะหัวใจล้มเหลว อาการจะดีขึ้นอย่างชัดเจนภายใน 1 – 3 วัน อาการหอบเหนื่อย อันเกิดจากเลือดเป็นกรด จะดีขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลา 1 – 3 วัน ส่วนอาการอันเกี่ยวข้องกับระบบประสาท ได้แก่ มึนงง …

เครื่องไตเทียมช่วยฟอกเลือด Read More »

33

เกลื้อน

เกลื้อน (Tinea versicolor) จัดว่าเป็นโรคติดเชื้อราของผิวหนังชนิดตื้น การติดเชื้อเกิดขึ้นบริเวณผิวบนของผิวหนัง หรือหนังกำพร้าส่วนบนเท่านั้น เกลื้อนเป็นโรคผิวหนังที่แตกต่างจากโรคกลาก เกิดจากการติดเชื้อเกลื้อนที่ผิวหนังชั้นนอกสุด ทำให้ผิวหนังเกิดเป็นด่างดวง บริเวณที่เป็นโรคมักมีสีอ่อนกว่าสีผิวหนังเดิม หรืออาจเป็นสีน้ำตาล พบได้บ่อยในคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะในผู้ที่ใส่เสื้อผ้าที่อบ มีเหงื่อออกมาก หรือผิวมันในระยะ เริ่มแรกจะปรากฏเป็นดวงเล็กๆ ต่อมาจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหลายดวงได้ หรืออาจรวมตัวกันขยายเป็นปืนใหญ่ โดยมากเกลื้อนไม่ทำให้มีอาการคัน แต่บางครั้งก็อาจมีอาการคันเกิดขึ้นได้ เกลื้อนพบบ่อยในกลุ่มวัยรุ่น ทั้งหนุ่ม และสาว เพราะเป็นวัยที่ต่อมไขมันทำงานมาก ผู้ที่เป็นโรคเกลื้อนมีแนวโน้มทางพันธุกรรมอยู่กล่าวคือจะเป็นคนผิวมัน มีความต้านทานต่อเชื้อเกลื้อนน้อยกว่าคนทั่วไป ผู้ที่ปฏิบัติงานในสถานที่อบ ร้อน เหงื่อมาก มีโอกาสเกิดได้ง่ายกว่าปกติ สาเหตุ สาเหตุเกิดจากเชื้อยีสต์ที่ชอบไขมันชนิดหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณขุมขนใช้น้ำมันที่หลั่งออกมาจากต่อมไขมันเป็นอาหาร ในสภาวะปกติ ยีสต์จะมีจำนวนน้อยไม่ทำให้เกิดโรค แต่ในบางภาวะที่ผิวหนังมันมากๆและอับชื้นเนื่องจากมีเหงื่อชุ่มอยู่กับเสื้อผ้า ยีสต์จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้น และเปลี่ยนรูปร่างเป็นชนิดที่ทำให้เกิดโรคเกลื้อน เกลื้อนเกิดจากการกำเริบของเชื้อยีสต์ที่มักอาศัยอยู่ที่ผิวหนังของคนเราอยู่แล้ว เห็นเป็นรอยจุดขาวตามรูขุมขน ชาวบ้านจึงเรียกว่า “เกลื้อนดอกหมาก” แต่ในบางรายก็อาจเห็นเป็นผื่นสีชมพู สีน้ำตาล จนถึงสีดำก็ได้ อาจมีอาการคันหรือไม่คันก็ได้ อาการ เกิดผื่นขนาดต่างๆ กัน ส่วนใหญ่สีขาว บางครั้งสีออกชมพู หรือน้ำตาล มีสะเก็ดบางๆ ที่ผิว ไม่มีอาการ แต่ลุกลามเร็ว …

เกลื้อน Read More »

32 1

เกลือแร่ : ความสำคัญต่อร่างกาย

ร่างกายคนเราจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่สำคัญครบทั้ง 6 ประเภท ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ และน้ำ จึงจะทำให้อวัยวะต่างๆ ทำหน้าที่ได้ตามปกติ ร่างกายจะมีเกลือแร่อยู่ร้อยละ 4-5 ของน้ำหนักตัว และสามารถแบ่งเกลือแร่ที่คนต้องการออกเป็น 2 ประเภท คือ1. เกลือแร่ที่ต้องการในขนาดมาก หมายถึง ร่างกายต้องการวันละมากกว่า 100 มิลลิกรัม เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส โปรแตสเซียม เป็นต้น2. เกลือแร่ที่ต้องการในขนาดน้อย หมายถึง ร่างกายต้องการวันละ น้อยกว่า 15 มิลลิกรัม เช่น เหล็ก สังกะสี ไอโอดีน ฟลูโอรีน เป็นต้น ความสำคัญของเกลือแร่ต่อร่างกาย พอสรุปได้ 5 ประการ คือ 1. เป็นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม2. เป็นส่วนประกอบของโปรตีน ฮอร์โมน เช่น …

เกลือแร่ : ความสำคัญต่อร่างกาย Read More »

close up doctor holding pills

การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ในศตวรรษที่21

ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมที่นับวันยิ่งจะทำให้ระบบต่างๆ พัฒนาก้าวหน้าและรวดเร็วมากขึ้น จากอดีตเราเคยใช้โทรศัพท์สำหรับพูดติดต่อสื่อสารเท่านั้น แต่ปัจจุบันเราสามารถใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อถ่ายรูป ถ่ายคลิปวีดีโอ ฟังเพลง หรือแม้กระทั่งเชื่อมต่อกับสื่อออนไลน์ต่างๆ ได้ ทำให้เห็นทั้งภาพเคลื่อนไหวและได้ยินเสียงของคู่สนทนาของเราในเวลาเดียวกัน ช่วยให้การติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านการสื่อสารโทรคมนาคมยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ สำหรับด้านการแพทย์และสาธารณสุขนั้น เราเรียกการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้เพื่อการดูแลรักษาผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลนี้ว่า การแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ให้คำจำกัดความของคำว่า “การแพทย์ทางไกล” หรือ “Telemedicine” หมายถึง การจัดให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนที่อยู่ห่างไกลโดยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัย การรักษาและการป้องกันโรค รวมถึงการศึกษาวิจัย และเพื่อประโยชน์สำหรับการศึกษาต่อเนื่องของบุคลากรทางการแพทย์ (1) องค์ประกอบที่สำคัญของ Telemedicine มี 4 ประการ(1) ได้แก่1. เป็นระบบที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การสนับสนุนด้านการแพทย์2. เป็นระบบที่ตั้งใจจะเอาชนะอุปสรรคทางภูมิศาสตร์หรือการเข้าถึงบริการทางการแพทย์จากสถานที่ห่างไกล3. มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหลายชนิดมาใช้4. มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลลัพธ์ทางการรักษาโรคให้ดีขึ้น การใช้ระบบ Telemedicine เริ่มต้นในปี ค.ศ.1960 จากแรงผลักดันทางการทหารและเทคโนโลยีทางอวกาศของประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกับการใช้อุปกรณ์การสื่อสารที่มีอยู่ในขณะนั้น เช่น การใช้ระบบโทรทัศน์ช่วยในการปรึกษากันระหว่างจิตแพทย์ที่สถาบันทางจิตเวชกับแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปที่โรงพยาบาลจิตเวช และการให้คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงเรียนแพทย์ไปยังศูนย์การแพทย์ที่สนามบินที่อยู่อีกแห่งหนึ่ง ต่อมาการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ก้าวหน้าและหลากหลายทั่วโลกเป็นปัจจัยผลักดันที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาระบบ Telemedicine โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาที่เปลี่ยนจากยุคอนาล็อก (analog) …

การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ในศตวรรษที่21 Read More »

31 1

ยาลดกรดในกระเพาะอาหารกลุ่ม Proton-pump Inhibitors (PPIs)

จากชีวิตประจำวันที่ต้องเร่งรีบ และแข่งขันกับเวลา คนไทยจึงเลือกที่จะงดรับประทานอาหารบางมื้อ หรือรับประทานนอกเวลาปกติ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการมีภาวะแผลในกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะอาหารอักเสบที่ค่อนข้างสูง หรือที่คนทั่วไปมักจะมีอาการที่เรียกว่า หิวก็ปวด อิ่มก็ปวดแสบยอดอก หรือ เรอเหม็นเปรี้ยว เป็นต้น ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารและคนส่วนใหญ่มักคิดว่า เล็กน้อยจึงมักจะซื้อยาลดกรดมารับประทานเอง หากอาการกำเริบและเรื้อรังมากกว่านั้นถึงขั้นต้องไปพบแพทย์ แพทย์มักจะสั่งจ่ายยากลุ่ม Proton-pump Inhibitorsร่วมกับการใช้ยาลดกรดด้วย ดังนั้นเพื่อความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับการรักษา จึงควรมาทำความรู้จักกับยากลุ่มนี้ ซึ่งยากลุ่มนี้จะมีทั้งในรูปแบบรับประทานและรูปแบบฉีด แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะในรูปแบบรับประทานเท่านั้น กลไกการออกฤทธิ์ยากลุ่ม Proton-pump Inhibitors ยากลุ่มนี้จะต้านการหลั่งกรดโดยยับยั้งเอนไซม์ H+/ K+ ATPase ที่เซลล์ผนังกระเพาะอาหาร จึงเสมือนเป็นตัวยับยั้งการปั๊มกรดเข้าสู่กระเพาะอาหาร ข้อบ่งใช้ เนื่องจากกลไกการออกฤทธิ์ที่ต้านการหลั่งกรด ยากลุ่มนี้จึงมีข้อบ่งใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดอาหารอักเสบชนิดปานกลางถึงรุนแรง (Moderate to severe reflux esophagitis) แผลในกระเพาะอาหาร(Gastric Ulcers) แผลในลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenal ulcers)ภาวะที่ร่างกายมีการหลั่งกรดสูง(Hypersecretion) โรค Zollinger-Ellison-Syndrome นอกจากนี้ยากลุ่มนี้จะใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมอีก 2 ชนิด เพื่อกำจัดเชื้อ Helicobacter pylori ซึ่งเป็นสาเหตุของการกลับเป็นซ้ำของแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น รวมถึงบรรเทาอาการการไหลย้อนกลับของกรดเช่น แสบยอดอก …

ยาลดกรดในกระเพาะอาหารกลุ่ม Proton-pump Inhibitors (PPIs) Read More »

30 1

JET LAG (เจ็ทแล็ก)

ในปัจจุบันทุกคนมีการเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังประเทศต่างๆมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว การไปทำธุรกิจหรือการไปศึกษาต่อต่างประเทศ ซึ่งรวมทั้งนักกีฬาก็เช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่มีการแข่งขันในต่างประเทศสิ่งหนึ่งที่ทางผู้จัดการทีม โค้ชและแพทย์ประจำทีมจะต้องคิดถึงก็คือเรื่อง Jet Lag ซึ่งผมไม่ทราบว่าในภาษาไทยมีคำบัญญัติไว้ว่าอย่างไร แต่หากเขียนตามคำอ่านออกเสียง ดูจะไม่ค่อยเพราะหูเท่าใด (เจ็ทแหล็ก หรือ เจ็ทแหลก) แต่อย่างไรก็ตามขอให้เข้าใจความหมายและเข้าใจวิธีปฏิบัติตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งบุคคลทั่วไปที่ต้องเดินทางและนักกีฬาตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องที่ต้องเดินทางไปประเทศอื่นๆ ความหมายของ Jet Lag Jet Lag เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่เดินทางไปยังประเทศต่างๆที่ต้องใช้เวลานานๆหลายชั่วโมงบนเครื่องบิน บินข้ามทวีปเปลี่ยนเวลาตรงข้ามกับที่เคยอยู่ประจำ เช่น กลางวันเป็นกลางคืน ต้องบินผ่าน Time Zones (โซนเวลา) มากน้อยแตกต่างกัน ผู้ที่มีอาการ Jet Lag มักเกิดจากการบินผ่านโซนเวลามากกว่า 3 โซนขึ้นไป นอกจากนี้ทิศทางของการเดินทางก็มีส่วนสำคัญ (บางท่านบินจากตะวันออกไปตะวันตก หรือตะวันตกไปตะวันออก บางท่านบินจากเหนือลงใต้หรือจากใต้ขึ้นเหนือ) ที่ทำให้เกิดอาการ Jet Lag มากน้อยแตกต่างกัน กลุ่มอาการ Jet Lag ประกอบไปด้วย อาการต่างๆ ดังนี้ คลื่นเหียน วิงเวียน ปวดศรีษะ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง นอนไม่หลับ …

JET LAG (เจ็ทแล็ก) Read More »

29 1

FITNESS กับการออกกำลังกาย

การทดสอบความฟิตของร่างกายสามารถกระทำได้หลายอย่าง ในที่นี้จะกล่าวถึงความฟิตสมบูรณ์ของระบบหัวใจ ปอด และการไหลเวียนของโลหิต (Aerobic fitness หรือ Cardiovascular fitness) ซึ่งหากต้องการความถูกต้องแม่นยำจะต้องกระทำกันในห้องปฏิบัติการทดสอบให้ผู้ที่จะทดสอบวิ่งบนสายพาน (Treadmill) หรือปั่นจักรยานอยู่กับที่ (Stationary bike) มีการวัดปริมาณการใช้ออกซิเจนมีการวัดชีพจรหรือการเต้นของหัวใจแล้วนำไปคำนวณ แต่ในที่นี้ ผมจะนำวิธีทดสอบความฟิตของร่างกายด้วยตนเองของสถาบันคูเปอร์แอโรบิคเซ็นเดอร์ (Cooper aerobic center) ที่ดัลลัส สหรัฐอเมริกา มานำเสนอต่อท่าน เพื่อท่านสามารถทำการทดสอบด้วยตนเอง หลังจากท่านได้พยายามปรับปรุงความกระฉับกระเฉงของท่านแล้วมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว การทดสอบความฟิตที่จะกล่าวถึงต่อไป เป็นการทดสอบที่ค่อนข้างปลอดภัยโดยการเดินระยะทาง 1 ไมล์ หรือ 1,600 เมตร (ต้องใช้ระยะทาง 1 ไมล์ เพราะเป็นข้อมูลของสถาบันคูเปอร์ที่ทำการศึกษาวิจัยโดยใช้ระยะทางเท่านี้) แต่เพื่อความปลอดภัยของท่านในการทดสอบ เขามีคำถาม 7 ข้อ (PAR-Q หรือ Physical activity readiness questionnaire) ให้ท่านตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ดังนี้ : 1.ท่านเคยได้รับการบอกกล่าวจากแพทย์ว่าเป็นโรคหัวใจหรือไม่? 2.ท่านเคยมีอาการปวดหรือเจ็บแน่นหน้าอกหรือหัวใจหรือไม่? 3.ท่านเคยอาการหน้ามืดเป็นลม หรือเวียนศีรษะบ่อย ๆ หรือไม่? 4.ท่านเคยได้รับการบอกกล่าวจากแพทย์ว่าท่านมีความดันโลหิตสูงหรือไม่? 5.แพทย์เคยห้ามท่านออกกำลังกายเพราะมีปัญหาโรคกระดูกและข้อหรือไม่? …

FITNESS กับการออกกำลังกาย Read More »

28 1

ยาแก้แพ้คลอเฟนิรามีน มาลีเอท (CPM)

คลอเฟนิรามีน มาลีเอท (Chlorpheniramine Maleate)คลอเฟนิรามีน มาลีเอทเป็นยาที่จัดว่าสารพัดประโยชน์ในราคาที่ย่อมเยา สามารถใช้บำบัดอาการคันอันเนื่องจากการแพ้ต่าง ๆ บำบัดอาการน้ำมูกใส ๆ ยามีจำหน่ายทั้งยาเม็ดสำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ ยาน้ำสำหรับเด็กรับประทานตามขนาดที่ระบุ โดยส่วนมากมักจะเป็นครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2-3 ครั้ง หรือทุก 4-6 ชั่วโมง ยานี้กินช่วงเวลาใดก็ได้ ไม่ระคายกระเพาะ ข้อควรรู้ ยานี้มีผลทำให้ง่วงได้ จะต้องเพิ่มความระมัดระวังหากต้องขับรถ หรือทำงานเกี่ยวอับเครื่องจักร เครื่องยนต์ ผู้ป่วยต้อหินไม่ควรใช้ นอกจากนี้หากน้ำมูกข้น หรือมีสีเหลือง เขียว ไม่ควรใช้ยานี้ ที่มา : แผ่นพับคณะอนุกรรมการด้านประชาสัมพันธ์และข่าวสาร สภาเภสัชกรรม ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)ผู้ประพันธ์

27 1

ความผิดปกติของถุงน้ำดี

ถุง น้ำดี (gall bladder) ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย โดยอยู่ใต้ตับบริเวณชายโครงด้านขวา ถุงน้ำดีมีรูปร่างคล้ายลูกแพร ยาวประมาณ 9 เซนติเมตร ถุงน้ำดีจะเป็นที่เก็บน้ำดีซึ่งสร้างจากตับ และจะมีท่อน้ำดีไปเปิดสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น โดยน้ำดีมีหน้าที่ย่อยอาหารประเภทไขมันความผิดปกติของถุงน้ำดีที่พบบ่อย คือ นิ่วในถุงน้ำดี และถุงน้ำดีอักเสบ นิ่วในถุงน้ำดี 1. มักพบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ส่วน ใหญ่เป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วน และอยู่ในวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยที่มีนิ่วในถุงน้ำดีอาจไม่มีอาการใดๆ เลย หรือบางรายอาจมีอาการแน่นอึดอัด เหมือนอาหารไม่ย่อยภายหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะถ้าเป็นอาหารที่มีไขมันสูง จะยิ่งมีอาการมากขึ้น2. นิ่วในถุงน้ำดี เป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อย มักจะทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดท้องอย่างรุนแรง อาหารไม่ย่อย แน่น อึดอัด จุก เสียด อาจ มีอาการอักเสบของถุงน้ำดีอย่างเฉียบพลัน หรือเป็นสาเหตุในตับอ่อนอักเสบ ซึ่งถ้ามีอาการต่างๆ ดังกล่าวแล้ว พบว่าการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกจะได้ผลดีที่สุด และผู้ป่วยมักจะหายขาดจากอาการดังกล่าว3. ตั้งแต่ พ.ศ. 2532 ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการผ่าตัดถุงน้ำดี จากการผ่าตัดทางหน้าท้องทั่วๆ ไปมาเป็นการเจาะผนังหน้าท้อง โดยใช้กล้องวิดิทัศน์ และเครื่องมือสอดผ่านเข้าไปตัดเอาถุงน้ำดีออก ผลดีจากการใช้เทคนิคใหม่นี้คือ …

ความผิดปกติของถุงน้ำดี Read More »

26 1

ความผิดปกติของการหายใจที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ

(SLEEP – RELATED BREATHING DISORDERS)คนเราถ้ายังมีชีวิตอยู่ต้องมีการหายใจ คนเราต้องหายใจตลอดเวลาทั้งในขณะตื่นและหลับ วันหนึ่ง ๆ เราต้องการนอนหลับโดยเฉลี่ย 7 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของแต่ละบุคคล ในขณะที่เราหลับนี้อาจมีความผิดปกติทางการหายใจเกิดขึ้นได้ โดยอาจเป็นภาวะหรือโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะเมื่อมีการนอนหลับ หรือเป็นการแสดงอาการที่มากขึ้น ของโรคระบบหายใจที่เป็นอยู่แล้วขณะตื่น การหายใจ (Breathing) ที่ จะกล่าวถึงทั้งหมดนี้ หมายถึงการนำอากาศเข้าไปในร่างกายจนถึงกระแสเลือด ไม่ใช่การหายใจในระดับเซลล์ (Cellular Respiration) ซึ่งหมายถึงการนำเอาออกซิเจนไปใช้เผาผลาญสารอาหารการหายใจสามารถแยกออกได้เป็น 2 กระบวนการ คือ การถ่ายเทอากาศ(Ventilation) และการเติมออกซิเจนให้กระแสเลือด (Oxygenation) ใน คนปกติการถ่ายเทอากาศจะลดลง ตั้งแต่เราเริ่มนอนหลับ ส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และความเป็นกรดในเลือดสูงขึ้น เดิมนั้นเข้าใจว่าเกิดจากสมองส่งสัญญาณกระตุ้นให้ร่างกายหายใจน้อยลง แต่ปัจจุบันพบว่า ความเข้าใจนั้นไม่ถูกต้อง แท้จริงแล้วเกิดจากความต้านทานการไหลของอากาศผ่านลำคอสูงขึ้น อย่างไรก็ตามยังเป็นความจริงที่ว่าเมื่อสมองถูกกระตุ้นจากคาร์บอนไดออกไซด์ ในเลือดที่สูงขึ้นซึ่งสมองควรจะตอบสนองโดยการส่งสัญญาณมากระตุ้นให้ร่างกาย หายใจมากขึ้น สมองกลับไม่ตอบสนองมากเท่าที่ควร นอกจากนี้เมื่อออกซิเจนในเลือดต่ำ ซึ่งในขณะตื่นนั้น จะมีการกระตุ้นให้เราหายใจมากขึ้น แต่ในขณะหลับ ตัวรับสิ่งกระตุ้นเหล่านี้กลับด้านชากว่าในขณะตื่น โดยจะด้านชามากที่สุดในช่วงหลับฝัน (REM Sleep) ตัวรับสิ่งกระตุ้นให้เกิดการหายใจ ก็ตอบสนองน้อยลงในขณะหลับเช่นกัน กล่าวโดยสรุปคือ ในภาวะ …

ความผิดปกติของการหายใจที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ Read More »

25 2

ความผิดปกติของการดมกลิ่น

อาการผิดปกติของการดมกลิ่น มีอาการได้ตั้งแต่ การได้กลิ่นลดลง การไม่ได้กลิ่นการได้กลิ่นที่แปลกไปจากกลิ่นที่ควรจะเป็น เช่นดมกลิ่นที่มีกลิ่นหอมแต่รู้สึกเหม็น สาเหตุของความผิดปกติของการดมกลิ่น ได้แก่ 1. มีการอุดกั้นในโพรงจมูก ทำให้กลิ่นไม่สามารถไปถึงตัวรับกลิ่นซึ่งอยู่ส่วนบนสุดของโพรงจมูกได้ซึ่งมีตัวอย่างที่พบได้ในกรณีที่เป็นหวัดและเยื่อบุจมูกบวม โรคริดสีดวงจมูกเนื้องอกในโพรงจมูก ผนังกั้นจมูกคด เป็นต้น 2. มีการบาดเจ็บ หรืออักเสบ หรือเสื่อมสภาพของระบบประสาทรับรู้การดมกลิ่น ได้แก่กรณีบาดเจ็บที่ศีรษะและสมองการอักเสบของประสาทดมกลิ่นจากการติดเชื้อหรือสารเคมีเนื้องอกของประสาทการดมกลิ่น หรือสมองที่เกี่ยวข้องกับการรับกลิ่น โรคสมองเสื่อมก็มีผลให้การรับกลิ่นเปลี่ยนไป ด้วยสาเหตุ ต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่าความผิดปกติของการดมกลิ่นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย การดูแลรักษาโดยแพทย์ทางหู คอ จมูกจะเริ่มจากการซักประวัติและตรวจร่างกายในบางกรณีอาจต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติมด้วยแพทย์ทางด้านสมองร่วมด้วยในรายที่ต้องแยกโรคเกี่ยวกับเนื้องอก หรือโรคทางสมองแพทย์จะส่งตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือการตรวจด้วยภาพจากสนามแม่เหล็ก ส่วนการรักษานั้นขึ้นกับสาเหตุ พบว่าถ้ามีสาเหตุจากการอุดกั้น การรักษาส่วนใหญ่จะได้ผลดี สำหรับสาเหตุในกลุ่มหลังผลการรักษาจะสู้กลุ่มแรกไม่ได้ นพ. พีระ จิตตะนานผู้ประพันธ์

24 1

ความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง

ความผิดปกติของเม็ดเลือดแดงมีหลายชนิด เช่น เม็ดเลือดแดงขนาดผิดปกติ เม็ดเลือดแดงติดสีผิดปกติ เม็ดเลือดแดงรูปร่างผิดปกติ เม็ดเลือดแดงมีสิ่งผิดปกติอยู่ภายในเซลล์ และเม็ดเลือดแดงเรียงตัวผิดปกติ การตรวจรูปร่างลักษณะของเม็ดเลือดแดงโดยกล้องจุลทรรศน์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ช่วยในการวินิจฉัยโรคต่างๆได้เป็นอย่างดี ความผิดปกติบางอย่างอาจจำเพาะเจาะจงสำหรับโรคบางอย่าง ในขณะที่ความผิดปกติบางอย่างอาจไม่จำเพาะเจาะจงแต่อย่างใด จำเป็นต้องใช้ข้อมูลอื่นๆ มาประกอบการวินิจฉัยโรค เม็ดเลือดแดงขนาดผิดปกติ ความผิดปกติของเม็ดเลือดแดงในด้านขนาด เรียกว่า anisocytosis เม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่ เรียกว่า macrocyte เป็นเม็ดเลือดแดงตัวแก่ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ โดยมีขนาดประมาณ 9-12 ไมครอน เม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่สามารถพบได้ในโรคโลหิตจางชนิดเมกาโลบลาสติก และโรคตับ ในกรณีของโรคโลหิตจางที่เกิดจากการขาดวิตามิน B12 หรือเกิดจากการขาดกรดโฟลิก อาจพบเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเป็นรูปไข่ เม็ดเลือดแดงขนาดเล็ก เรียกว่า microcyte เป็นเม็ดเลือดแดงตัวแก่ที่มีขนาดเล็กกว่าปกติ มักพบว่ามีบริเวณติดสีจางกลางเซลล์กว้างกว่า 1/3 ของเซลล์ เม็ดเลือดแดงขนาดเล็กสามารถพบได้ในโรคธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจางขาดธาตุเหล็ก และในโรคโลหิตจางที่เกิดจากเม็ดเลือดแตก เม็ดเลือดแดงติดสีผิดปกติ เม็ดเลือดแดงติดสีน้อยกว่าปกติ เรียกว่า hypochromia เป็นเม็ดเลือดแดงที่มีบริเวณติดสจางกลาง เซลล์กว้างกว่า 1/3 ของเซลล์ เนื่องจากปริมาณของฮีโมโกลบินภายในเซลล์ลดลง สามารถพบได้ ในโรคโลหิตจางขาดธาตุเหล็ก และโรคโลหิตจางชนิดเรื้อรัง เม็ดเลือดแดงรูปร่างผิดปกติ ความผิดปกติของเม็ดเลือดแดงทางด้านรูปร่าง เรียกว่า poikilocytosis …

ความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง Read More »

23 1

ความดันสูง..ไม่ธรรมดา เสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง

แขนขาอ่อนแรง พูดผิดปกติ ตาพร่ามัว ปวดศีรษะ วิงเวียน ยืนไม่อยู่ ใครที่มีอาการเหล่านี้ต้องระวังให้ดี! เพราะมันคือสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าของโรคที่น่ากลัวอย่าง โรคหลอดเลือดสมอง ที่เมื่อเป็นแล้วจะเกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ ซี่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในคนไข้เป็นอันดับ 1 มากกว่าโรคหัวใจและมะเร็ง ปัจจุบันพบว่า คนไทยมีผู้ป่วยโรคนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากวิถีการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเครียดจากการทำงาน พักผ่อนไม่เพียงพอ รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ไม่มีเวลาออกกำลัง รวมไปถึงการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เหล่านี้ล้วนเป็นผลเสียต่อสุขภาพร่างกายแทบทั้งสิ้น สำหรับปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งของโรคหลอดเลือดสมอง หรืออัมพาตนั้น คือ ภาวะความดันโลหิตสูง โดยมีข้อมูลรองรับให้เห็นว่า ผู้ที่ไม่ได้รักษาความดันโลหิตสูง อาจมีโอกาสเกิดโรคอัมพาตเพิ่มขึ้นมากกว่าคนปกติถึง 4 เท่า นั่นเพราะความดันโลหิตสูงจะค่อยๆ ทำให้หลอดเลือดภายในร่างกายค่อยๆ เสื่อมไป และตีบลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลอดเลือดสมองนั่นเอง อย่างไรก็ดี ถ้าใครมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ย่อมเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมองแตก-ตีบตันมากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงจะมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย สอดรับกับสถิติที่พบว่า ผู้หญิงมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองแตก-ตีบตันถึง 60% ในขณะที่ผู้ชายมีโอกาส 40% นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองโดยไม่รู้ตัว (silent stroke) โดยจะไม่มีอาการของโรคหลอดเลือดสมองอย่างชัดเจน แต่จะมีผลกระทบเกี่ยวกับความทรงจำและกระบวนการคิดซึ่งเป็นสาเหตุของโรคสมองเสื่อม ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมีโอกาสที่หลอดเลือดในสมองอาจอุดตันหรือแตก ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตมีความพิการหรือตายได้ สำหรับอาการเบื้องต้นของโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนมากที่พบบ่อย และสังเกตได้ง่าย คือ แขน ขาอ่อนแรง ชาครึ่งซีก …

ความดันสูง..ไม่ธรรมดา เสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง Read More »

22 1

ความดันโลหิตสูง

ภาวะความดันโลหิตสูง พบได้ประมาณ 10% ของประชากรทั่วโลก เป็นภาวะเรื้อรังที่พบได้บ่อยในคนไทยและสามารถตรวจพบได้ด้วยวิธีการง่ายๆ อย่างไรจึงจะเรียกว่าความดันโลหิตสูง โดยปกติผู้ที่อายุไม่ถึง 40 ปี ความดันโลหิตไม่ควรเกิน 140/90 มม.ปรอท ค่าความดันตัวบนอาจจะเพิ่มขึ้นตามอายุ จะทราบค่าความดันโลหิตตัวบนปกติของแต่ละอายุได้ โดยนำจำนวนอายุมาบวกกับ 100 โดยทั่วไปความดันตัวบนไม่ควรเกิน 160 มม.ปรอท และความดันตัวล่าง (ในผู้ใหญ่) ไม่อายุเท่าไหร่ก็ตามไม่ควรเกิน 90 มม.ปรอท อาการสำคัญที่พบในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง คือ – ปวดศีรษะ มึนงง โดยทั่วไปจะปวดบริเวณท้ายทอย และมักจะเป็นในตอนเช้า ถ้าความดันโลหิตสูงมากและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจะมีอาการคลื่นไส้ และตามัวร่วมด้วย ในบางรายอาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย– เหนื่อยง่าย เนื่องจากหัวใจต้องทำงาน– เลือดกำเดาออก จะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีความดันโลหิตสูงแล้วไม่รักษาหรือรักษาและปฏิบัติตัวไม่สม่ำเสมอ 1. สายตาเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว หรือตาบอด หลอดเลือดในตาอาจตีบตันหรือแตกมีการตกเลือดในตาหรือบวมในชั้นตาที่รับภาพ2. อาการทางสมอง หลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อาจชักหรือไม่รู้สึกตัว และอาจเกิดอัมพาตถ้ารักษาไม่ทัน3. หัวใจล้มเหลว จากการที่กล้ามเนื้อหัวใจต้องทำงานมากขึ้น จึงทำให้หัวใจโต เกิดอาการเหนื่อย หอบหายใจลำบาก โดยเฉพาะทางกลางคืน และภาวะความดันโลหิตสูงทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน …

ความดันโลหิตสูง Read More »

Scroll to Top