article_writer

96 2

ไส้เลื่อน (inguinal hernia)

ไส้เลื่อน (inguinal hernia)เป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยในเพศชาย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ผนังบุช่องท้องมีความอ่อนแอ และความดันภายในช่องท้องดันเอาลำไส้ออกมาตรงตำแหน่งที่ผนังบุช่องท้องที่อ่อนแอนั้น โดยปกติภายในช่องท้องของคนเรา จะมีอวัยวะหลายอย่างอยู่ เช่น ตับ ถุงน้ำดี กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ไส้ติ่งและลำไส้ใหญ่ เป็นต้น ช่องท้องจะมีผนังบุอยู่โดยรอบ และหากมีการอ่อนแอของผนังบุช่องท้อง และความดันในช่องท้องมีมากกว่าก็จะดันผนังช่องท้องให้โป่งออกมา และจะมีปัญหาเกิดขึ้น เมื่อมีลำไส้เคลื่อนตามออกมา บางครั้งลำไส้อาจเคลื่อนกลับเข้าไปในช่องท้องได้ก็จะไม่มีอาการอะไร ถ้าหากลำไส้ที่เคลื่อนออกมาแล้วกลับเข้าไปในช่องท้องไม่ได้ จะทำให้รู้สึกหน่วงๆ เวลายืนหรือเดิน ถ้าเกิดเป็นเวลานานๆ ลำไส้ที่เคลื่อนออกมาขาดเลือดมาเลี้ยงจะทำให้ลำไส้ตาย และเน่าได้จะก่อให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงได้ ตำแหน่ง           ตำแหน่งของไส้เลื่อนที่พบได้บ่อย ได้แก่ บริเวณขาหนีบ และบริเวณลูกอัณฑะ บริเวณขาหนีบจะพบว่ามีก้อนหรือมีอะไรออกมาตุงอยู่ เพราะผนังบุช่องท้องบริเวณนั้นอ่อนแอ ความดันในช่องท้องจะดันเอาลำไส้ออกมา ส่วนบริเวณลูกอัณฑะก็เช่นเดียวกัน ลำไส้จะเคลื่อนออกมาตามแนวของลูกอัณฑะ ที่เคลื่อนลงมาจากช่องท้อง ลงมาอยู่ในลูกอัณฑะ ทำให้พบว่าลูกอัณฑะมีขนาดใหญ่มากๆ ได้ โดยเฉพาะในรายที่ไม่ได้รับการรักษา การรักษา           1.การรักษาโรคไส้เลื่อนนี้ขึ้นอยู่กับอาการที่มี ว่ามากน้อยเพียงใด และเกิดบ่อยครั้งแค่ไหน ศัลยแพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาว่าจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดหรือไม่ ควรปรึกษาศัลยแพทย์ผู้รักษาถึงแนวทางการรักษาเสียแต่เนิ่นๆ          2.การรักษาโรคไส้เลื่อนนี้ขึ้นอยู่กับอาการที่มีว่ามากน้อยเพียงใด และเกิดบ่อยครั้งแค่ไหน แพทย์จะช่วยตัดสินใจ และเลือกวิธีการรักษาว่าจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดหรือไม่ หลักการรักษาไส้เลื่อนทำได้โดยการผ่าตัดนำลำไส้กลับเข้าไปในช่องท้อง และเย็บซ่อมรูหรือตำแหน่งที่ลำไส้ออกมา …

ไส้เลื่อน (inguinal hernia) Read More »

95 2

ไวรัสฮันทาคืออะไร

ไวรัสฮันทา (Hanta virus) เป็นอาร์เอ็นเอไวรัส ชนิดสายเดียว จัดอยู่ในตระกูลบันยาไวรัส ซึ่งไวรัสในกลุ่มนี้ไม่ค่อยเป็นเชื้อก่อโรคในมนุษย์เท่าใดนัก ไวรัสฮันทาก่อให้เกิดโรคที่สำคัญๆ สองลักษณะ ประการแรกไวรัสฮันทาทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกที่มีภาวะไตวายร่วมด้วย ซึ่งโรคที่เกิดมีอาการค่อนข้างรุนแรง พบมีรายงานการเกิดโรคติดเชื้อไวรัสฮันทา ลักษณะนี้ในประเทศเกาหลี ประเทศจีน และทางตะวันออกของประเทศรัสเซีย อีกประการหนึ่งไวรัสฮันทาทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจที่รุนแรง อาการสำคัญคือ ไข้และปอดบวมน้ำที่มีความรุนแรงที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ในเวลาที่รวดเร็ว เชื้อไวรัสฮันทาที่ก่อให้เกิดความผิดปกติของระบบบทางเดินหายใจพบการระบาดทั่วไปในทวีปอเมริกาเหนือ           พาหะของโรคติดเชื้อไวรัสฮันทาคือ สัตว์ประเภทกัดแทะประเภทหนู มนุษย์จะได้รับเชื้อไวรัสฮันทาที่ถูกขับออกมาทางสารคัดหลั่งของหนู เช่น ปัสสาวะ น้ำลาย รวมทั้งมูลอุจจาระ เมื่อคนหายใจเอาละอองสารคัดหลั่งดังกล่าวที่มีเชื้อไวรัสฮันทาเข้าไปในร่างกาย ก็จะเกิดภาวะการติดเชื้อขึ้น สำหรับกรณีที่คนถูกหนูกัดโดยตรง โอกาสที่เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล อาจพบได้แต่ความเสี่ยงไม่สูงนัก จากการศึกษาพบว่าการติดต่อโรคโดยการจับหรือสัมผัสกับฉี่หนู น้ำลายหนู หรือมูลอุจจาระ จะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่ามาก ส่วนใหญ่พบหนูที่ติดเชื้อไวรัสในบริเวณนอกบ้านมากกว่าในบ้าน เช่น พบในฟาร์ม ในบริเวณชนบท มาตราการป้องกันไม่ให้หนูเข้ามาเพ่นพ่านในบริเวณบ้าน ที่ซึ่งผู้คนมีโอกาสสัมผัสกับสิ่งปฎิกูลของมัน จึงมีความสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง           การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสฮันทาภายในกลุ่มของสัตว์ที่เป็นพาหะคือ หนู จะมีลักษณะเป็นการแพร่กระจายในแนวราบ โดยการขยายพันธุ์ของสัตว์ หรือสัมผัสกันโดยตรง เช่น การต่อสู้กัน และเป็นที่น่าสังเกตอย่างยิ่งว่าเชื้อไวรัสฮันทาจะไม่ก่อโรคในหนูเลย และไม่ใช่หนูทุกชนิดที่แพร่เชื้อไวรัสฮันทา พบว่าชนิดของหนูที่แพร่เชื้อไวรัสมากที่สุดเป็นหนูเล็กซึ่งเป็นหนูท้องถิ่น ขนาดลำตัว …

ไวรัสฮันทาคืออะไร Read More »

94 2

ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C virus)

ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C virus) เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคตับอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง ซึ่งการเป็นตับอักเสบเรื้อรังจะนำไปสู่ภาวะตับแข็งและเป็นมะเร็งตับได้ในที่สุดตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลกปี 2017 พบว่ามีผู้ป่วยตับอักเสบซีเรื้อรัง(Chronic Hepatitis C virus infection)ทั่วโลกประมาณ 71 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ประมาณ 4 แสนรายต่อปี การติดต่อ ไวรัสตับอักเสบซียังไม่มีวัคซีนป้องกัน และสามารถติดต่อได้ทางเลือด จากแม่สู่ลูกและทางเพศสัมพันธ์ ผู้ติดเชื้อประมาณ 55 – 85% จะพัฒนาไปสู่โรคตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นตับแข็งและมะเร็งตับ อาการของผู้ป่วยตับอักเสบซี ผู้ติดไวรัสตับอักเสบซีช่วงแรกๆ มักไม่มีอาอาการ ดังนั้นการวินิจฉัยจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสได้โดยการตรวจคัดกรองการติดไวรัสตับอักเสบซี (HCV antibody) โดยผู้ป่วยที่เคยรับเชื่อ HCV จะให้ผลบวก และควรตรวจยืนยันด้วย HCV PCR เพื่อดูว่าผู้ป่วยมีไวรัสอยู่ และตรวจวัดปริมาณไวรัส Quantitative HCV RNA (HCV viral load)พร้อมกับการตรวจหายสายพันธุ์ (Genotype) ของไวรัสก่อนการรักษา เนื่องจากไวรัสแต่ละ Genotype มีวิธีการรักษาและช่วงเวลาการรักษาที่แตกต่างกัน N Health พร้อมให้บริการตรวจการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี …

ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C virus) Read More »

93 2

ไวรัสตับอักเสบชนิดบี (hepatitis B virus)

ทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ตับ และการอักเสบจะทำให้เซลล์ตับตาย หากเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด ตับแข็ง และมะเร็งตับได้ ในประเทศไทย พบผู้ป่วยที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ประมาณ 8-10 ล้านคน โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี จึงนับว่ามีความสำคัญมาก แต่ในปัจจุบันหลังจากมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีในเด็กแรก เกิดทุกคน ทำให้อุบัติการณ์ในคนไทยลดลง ประมาณร้อยละ 3-5เมื่อเป็นโรคตับอักเสบบีระยะเฉียบพลันแล้วมีโอกาสจะหายขาดประมาณ ร้อยละ 90 ซึ่งจะกลับเป็นปกติทุกอย่าง ส่วนอีกร้อยละ10 จะไม่หายขาด โดยบางคนอาจจะเป็นพาหะของโรคโดยไม่มีอาการ หรือบางคนอาจจะเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้บางคนอาจจะเป็นโรคตับแข็งตามมา ถ้ายังมีการอักเสบของตับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมักต้องเป็นนานประมาณ 10-20 ปี บางคนอาจจะเป็นโรคมะเร็งตับได้โดยเฉพาะถ้ามีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรค มะเร็งตับ โอกาสที่จะเป็นโรคตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับ ในแต่ละคนไม่เท่ากัน ความร้ายแรงของโรคไวรัสตับอักเสบ บี ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรค และมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้น แต่ร้อยละ 10-20 ของผู้ป่วยจะมีเชื้อไวรัสในเลือด และตับ โดยอาจมีอาการของตับอักเสบเรื้อรัง หรืออาจไม่มีอาการ บุคคลทั้งสองกลุ่มนี้สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นต่อไปได้ เราเรียกบุคคลทั้งสองกลุ่มนี้ว่าเป็น “พาหะ” หรือตับอักเสบเรื้อรัง ในประเทศไทย พบผู้ป่วยที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ประมาณ 8-10 ล้านคน ประมาณร้อยละ …

ไวรัสตับอักเสบชนิดบี (hepatitis B virus) Read More »

92 2

ไวรัสก่อโรคระบบทางเดินหายใจ

ไวรัสก่อโรคระบบทางเดินหายใจไวรัสเป็นจุลชีพชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กมาก จึงสามารถผ่านแผ่นกรองได้ง่ายดายกว่าแบคทีเรียซึ่งไม่สามารถผ่านได้ ปัจจุบันพบว่าไวรัสมีมากมายหลายร้อยชนิด ไวรัสที่พบได้บ่อยๆ ได้แก่ ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในคน ไวรัสของสัตว์ ไวรัสของพืช ไวรัสของแบคทีเรีย และไวรัสของเชื้อรา ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในคนนั้นมีหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งสามารถแบ่งชนิดของไวรัสตามหลักวิทยาศาสตร์ได้หลายวิธี อาทิเช่น แบ่งตามชนิดของสารพันธุกรรม ได้แก่ ไวรัสชนิดดีเอ็นเอ (DNA-virus) หรือไวรัสชนิดอาร์เอ็นเอ (RNA-virus) แบ่งตามขนาดหรือแบ่งตามชนิดที่มีเปลือกหุ้มหรือไม่มีเปลือกหุ้ม แบ่งเป็นกลุ่มตามระบบหรืออวัยวะที่ก่อให้เกิดโรค ได้แก่ ไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคท้องร่วง ไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคตับอักเสบ ไวรัสที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดไข้ และผื่นไวรัสที่ต้องอาศัยยุงในการนำให้เกิดโรค เช่น ไวรัสเดงกี่ที่เป็นสาเหตุของไข้เลือดออก และไวรัสไข้สมองอักเสบเจอี เป็นต้น           โรคติดเชื้อไวรัสเป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยในเด็กวัยแรกเกิดจนถึง 6 ปี และส่วนใหญ่มักพบในเด็กก่อนวัยเรียน บางครั้งเป็นถึงปีละหลายครั้ง โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส อาจมีความรุนแรงแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดของไวรัส และภูมิต้านทานของเด็กด้วย ไวรัสบางชนิดอาจทำให้เกิดไข้ต่ำๆ ไอ มีน้ำมูกใสๆ และจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน แต่ไวรัสบางชนิด เช่น ไวรัสอินฟลูเอ็นซ่าที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้เกิดอาการรุนแรง ไข้สูง ปวดเมื่อยตัว ปวดศีรษะ และเด็กบางคนอาจถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อไปได้หลายวัน …

ไวรัสก่อโรคระบบทางเดินหายใจ Read More »

91 2

ไวรัสเอดส์สายพันธุ์ลูกผสม

เชื้อไวรัสเอชไอวีที่ระบาดในไทยที่ผ่านมามีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เอ-อี (A/E) และสายพันธุ์บี (B) โดยสายพันธุ์เอ-อีจะพบสูงถึงร้อยละ 90 ขึ้นไป ทุกปีจะมีโครงการวิจัยเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์เอชไอวี โดยนำเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นคนไทยมาถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อตรวจหาสายพันธุ์ของไวรัส จากการเปิดเผยของ ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปรากฏว่าในปีนี้พบความผิดปกติจากตัวอย่างเลือด 2 ราย จากกลุ่มตัวอย่างที่ส่งมาทั้งหมด 44 ราย เนื่องจากถอดรหัสออกมาแล้วพบว่าเป็นสายพันธุ์ไวรัสเอชไอวีที่ต่างออกไปจากเดิม โดยรายแรกเป็นเชื้อเอชไอวีที่ผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จี และดี เรียกว่า เอจี-ดี (AG/D) กับรายที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี (AE/G)           ตัวอย่างทั้งสองรายมาจากหญิงฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เชื้อเอชไอวีลูกผสม 3 สายพันธุ์ไม่เคยมีรายงานการตรวจพบมาก่อน …

ไวรัสเอดส์สายพันธุ์ลูกผสม Read More »

90 2

ไวรัสเวสต์ไนล์ (West Nile virus)

เป็นไวรัสอีกชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคไข้สมองอักเสบ จัดอยู่ในกลุ่มฟลาวิไวรัส กลุ่มเดียวกับไวรัสแจแปนนีสบีที่ก่อให้เกิดโรคไข้สมองอักเสบเช่นกัน และไวรัสเดงกี่ที่ก่อให้เกิดโรคไข้เลือดออก เชื้อนี้ทำให้เกิดภาวะสมองอักเสบ ไข้เฉียบพลันที่มีผื่นร่วมด้วย ต่อมน้ำเหลืองโต และอาการทางข้อ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบเชื้อไวรัสเวสต์ไนล์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1937 ที่ประเทศยูกันดาในทวีปแอฟริกา ต่อมาพบเชื้อในการระบาดที่ประเทศอียิปต์ ในทวีปยุโรปตอนใต้ เช่น ประเทศฝรั่งเศส อิตาลี โปรตุเกส รวมทั้งทวีปเอเชียตอนใต้ และทวีปอเมริกา           เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1999 มีการระบาดของโรคไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเวสต์ไนล์ ในประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มพบการระบาดที่รัฐนิวยอร์ก ผู้ป่วยสมองอักเสบ 58 ราย เสียชีวิต 6 ราย การระบาดครั้งนั้น พบว่านกที่อยู่ในสวนสัตว์บร๊อนซ์ในกรุงนิวยอร์ก ส่วนใหญ่มีไวรัสอยู่ และอาจเป็นตัวแพร่กระจายโรค การระบาดของไวรัสเวสต์ไนล์ในกรุงนิวยอร์กเมื่อปี ค.ศ. 1999 ทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตกว่า 560 คน ซึ่งร้อยละแปดสิบของผู้ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการของโรค ปัจจุบันก็ยังมีการระบาดของไวรัสเวสต์ไนล์ในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งคราวอยู่เสมอๆ และนับเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญอย่างหนึ่ง บันทึกประวัติศาสตร์           1.พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ซึ่งสิ้นพระชนม์ในวัยเพียง 33 พรรษา จากบันทึกที่มีปรากฎไว้เป็นหลักฐานว่า พระองค์เสด็จสวรรคตด้วยสาเหตุประชวร …

ไวรัสเวสต์ไนล์ (West Nile virus) Read More »

89 2

ไฝ

ไฝ (nevi)ที่พบเห็นโดยทั่วไปอาจเป็นมาตั้งแต่กำเนิด หรือมาเป็นภายหลังก็ได้ ในบางรายอาจพบเห็นไฝตั้งแต่วัยเด็กก็เป็นได้ ไฝเกิดจากการรวมกลุ่มของเซลล์สร้างสี ที่เรียกว่า เมลาโนซัยต์ ซึ่งมีหน้าที่สร้างเม็ดสี เรียกว่า เมลานิน (melanin) ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดสีผิว ไฝเป็นตุ่มเนื้อที่มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันได้หลายแบบ ปกติมีสีออกน้ำตาลไปจนถึงน้ำตาลดำ สีที่เห็นนั้นเกิดจากสีเมลานิน ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้ผิวหนังของเรามีสีนั่นเอง โดยทั่วไปแล้วไม่ค่อยพบไฝตั้งแต่แรกเกิด มักค่อยๆ ปรากฏให้เห็นในช่วงอายุ 20 ปีแรก ในบางคนไฝบางเม็ดอาจเริ่มโผล่มาให้เห็นเมื่ออายุ 40 ปี หรือมากกว่านั้นก็ได้ ไฝเกิดได้ทุกตำแหน่งบนผิวหนัง อาจเกิดเป็นตุ่มเดี่ยวๆ หรืออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม           แรกเริ่มแล้วไฝจะเป็นจุดดำหรือน้ำตาล ราบแลดูคล้ายกระ เมื่อเวลาผ่านไป ไฝจะค่อยๆโตและนูนขึ้น บางครั้งมีเส้นขนงอกออกมา ไฝบางเม็ดเมื่อทิ้งไว้นานๆ อาจค่อยๆ หดหายไปได้เอง บางเม็ดก็ไม่หาย บางเม็ดเป็นตุ่มนูนมีก็านขนาดเล็กยึดติดกับผิวหนัง ไฝอาจมีสีดำคล้ำขึ้นเมื่อถูกแสงแดด หรือระหว่างการได้รับยากินบางตัว ไฝอาจมีสีเข้มและโตขึ้นในช่วงวัยรุ่นและในระหว่างตั้งครรภ์ สำหรับไฝแบบใดที่อาจเป็นอันตรายหรือควรไปพบแพทย์นั้น ก็คือ ถ้าไฝมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในขนาด รูปร่าง และสี หรือมีเลือดออกจากไฝ คัน และเจ็บปวด ควรไปพบแพทย์ผิวหนังทันที เพราะไฝนั้นอาจเป็นมะเร็งของผิวหนัง เรียกว่า “มะเร็งไฝดำ” …

ไฝ Read More »

88 2

ไตวายเฉียบพลัน

ไตวายเฉียบพลัน (acute renal failure)เป็นภาวะที่มีการสูญเสียการทำงานของไตที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปกติไตจะทำหน้าที่ดังนี้           1.ขับถ่ายของเสียออกทางปัสสาวะ นอกจากของเสียจากอาหารแล้ว ไตยังขับถ่ายยาหรือสารแปลกปลอมอื่นๆ ซึ่งละลายน้ำได้ด้วย ตัวอย่างเช่น ยานอนหลับ ยาแก้ไข้แก้ปวด ยาปฏิชีวนะชนิดต่างๆ เป็นต้น          2.ดูดซึมและเก็บสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น น้ำตาลซึ่งถูกกรองออกมาพร้อมของเสียจะถูกดูดกลับโดยหน่วยไตคืนสู่กระแสเลือดจนหมด          3.รักษาปริมาณน้ำในร่างกายให้สมดุล ปกติถ้าเราดื่มน้ำมากเกินไป ไตจะขับน้ำที่มากเกินความต้องการออก ปัสสาวะจึงออกมาก ถ้าดื่มน้ำน้อยหรือไม่ได้รับน้ำเลยไตจะเก็บน้ำไว้ปัสสาวะจะน้อยลงและสีเข้มขึ้น          4.รักษาปริมาณของเกลือในร่างกายให้อยู่ในสภาวะสมดุล ในคนปกติถ้ารับประทานอาหารเค็มมาก ไตก็สามารถขับเกลือที่ได้รับเข้าไปเกินความต้องการได้ ถ้าร่างกายขาดเกลือไตก็สามารถเก็บเกือจากอาหารที่รับประทานไว้ได้เช่นกัน          5.ไตทำหน้าที่รักษาสมดุลของกรดและด่างภายในร่างกาย การเผาผลาญโปรตีนและไขมันเพื่อสร้างพลังงาน และเหลือกากที่เป็นกรดหรือด่างที่เกินนั้นออกทางปัสสาวะ          6.ไตเป็นอวัยวะหนึ่งที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต โดยสร้างสารที่สามารถปรับความดันโลหิตให้อยู่ใรระดับปกติ          7.ไตเป็นอวัยวะหนึ่งที่สร้างสารกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ผู้ป่วยที่ไตพิการมักมีเลือดจาง เพราะขาดสารไปกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง          8.ไตเป็นอวัยวะที่เปลี่ยนวิตามินให้มีประสิทธิภาพ ไตสามารถเปลี่ยนวิตามินที่ไตได้รับให้มีและสิทธิภาพในการเสริมสร้างกระดูก           หน้าที่ของไตจึงมีหลายอย่าง เมื่อไตทำงานได้ตามปกติ สุขภาพของเราก็แข็งแรงประกอบอาชีพการงานได้ราบรื่น แต่เมื่อใดไตเกิดบกพร้องหน้าที่ ทำงานไม่ได้เต็มที่ หรือไม่ทำงาน ของเสียจะคั่งในเลือดเซลล์จะทำงานไม่ได้ตามปกติ มีการคั่งของน้ำ เกลือแร่ และกรดในร่างกาย ถ้าไตหยุดทำงานอย่างรวดเร็ว เซลล์ของร่างกายปรับตัวไม่ทัน ผู้ป่วยจะมีอาการปรากฏให้เห็นเร็ว แต่ถ้าหยุดทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไป เซลล์จะปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมดังกล่าวได้ในระยะแรก ร่างกายจะอยู่ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ถ้าเซลล์ต่างๆ …

ไตวายเฉียบพลัน Read More »

ไตวายเฉียบพลัน

ไตวายเฉียบพลัน (acute renal failure)เป็นภาวะที่มีการสูญเสียการทำงานของไตที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปกติไตจะทำหน้าที่ดังนี้           1.ขับถ่ายของเสียออกทางปัสสาวะ นอกจากของเสียจากอาหารแล้ว ไตยังขับถ่ายยาหรือสารแปลกปลอมอื่นๆ ซึ่งละลายน้ำได้ด้วย ตัวอย่างเช่น ยานอนหลับ ยาแก้ไข้แก้ปวด ยาปฏิชีวนะชนิดต่างๆ เป็นต้น          2.ดูดซึมและเก็บสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น น้ำตาลซึ่งถูกกรองออกมาพร้อมของเสียจะถูกดูดกลับโดยหน่วยไตคืนสู่กระแสเลือดจนหมด          3.รักษาปริมาณน้ำในร่างกายให้สมดุล ปกติถ้าเราดื่มน้ำมากเกินไป ไตจะขับน้ำที่มากเกินความต้องการออก ปัสสาวะจึงออกมาก ถ้าดื่มน้ำน้อยหรือไม่ได้รับน้ำเลยไตจะเก็บน้ำไว้ปัสสาวะจะน้อยลงและสีเข้มขึ้น          4.รักษาปริมาณของเกลือในร่างกายให้อยู่ในสภาวะสมดุล ในคนปกติถ้ารับประทานอาหารเค็มมาก ไตก็สามารถขับเกลือที่ได้รับเข้าไปเกินความต้องการได้ ถ้าร่างกายขาดเกลือไตก็สามารถเก็บเกือจากอาหารที่รับประทานไว้ได้เช่นกัน          5.ไตทำหน้าที่รักษาสมดุลของกรดและด่างภายในร่างกาย การเผาผลาญโปรตีนและไขมันเพื่อสร้างพลังงาน และเหลือกากที่เป็นกรดหรือด่างที่เกินนั้นออกทางปัสสาวะ          6.ไตเป็นอวัยวะหนึ่งที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต โดยสร้างสารที่สามารถปรับความดันโลหิตให้อยู่ใรระดับปกติ          7.ไตเป็นอวัยวะหนึ่งที่สร้างสารกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ผู้ป่วยที่ไตพิการมักมีเลือดจาง เพราะขาดสารไปกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง          8.ไตเป็นอวัยวะที่เปลี่ยนวิตามินให้มีประสิทธิภาพ ไตสามารถเปลี่ยนวิตามินที่ไตได้รับให้มีและสิทธิภาพในการเสริมสร้างกระดูก           หน้าที่ของไตจึงมีหลายอย่าง เมื่อไตทำงานได้ตามปกติ สุขภาพของเราก็แข็งแรงประกอบอาชีพการงานได้ราบรื่น แต่เมื่อใดไตเกิดบกพร้องหน้าที่ ทำงานไม่ได้เต็มที่ หรือไม่ทำงาน ของเสียจะคั่งในเลือดเซลล์จะทำงานไม่ได้ตามปกติ มีการคั่งของน้ำ เกลือแร่ และกรดในร่างกาย ถ้าไตหยุดทำงานอย่างรวดเร็ว เซลล์ของร่างกายปรับตัวไม่ทัน ผู้ป่วยจะมีอาการปรากฏให้เห็นเร็ว แต่ถ้าหยุดทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไป เซลล์จะปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมดังกล่าวได้ในระยะแรก ร่างกายจะอยู่ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ถ้าเซลล์ต่างๆ …

ไตวายเฉียบพลัน Read More »

87 2

ให้ลูกเล่นคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เล็ก…ดีไหม

เดิมคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มัก มั่นใจว่าการให้ลูกเล่นคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เล็กนั้นเป็นผลดี ยิ่งเล็กมากขึ้นเท่าไรก็จะยิ่งเพิ่มศักยภาพมากขึ้นเท่านั้น คอมพิวเตอร์สามารถที่จะช่วยพัฒนาลูกในเรื่องของการใช้มือ และตา ควบคู่ไปกับทักษะด้านอื่นๆ ปัจจุบันจึงมีคุณพ่อคุณแม่ที่เริ่มให้ลูกหัดใช้คอมพิวเตอร์ตั้งแต่เล็ก จาก การสำรวจของ ไคเซอร์ แฟมิลี่ ฟาวเดชั่น (Kaiser Family Foundation) ในปี 2003 ไม่น่าเชื่อนะครับว่าร้อยละ 31 ของเด็กอายุ 3 ขวบและต่ำกว่านั้น สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้แล้ว ร้อยละ 16 ใช้คอมพิวเตอร์อาทิตย์ละหลายชั่วโมง ร้อยละ 21 สามารถชี้และคลิ๊กเมาส์ได้ด้วยตัวเองและร้อยละ 11 สามารถเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เองได้โดยไม่ต้องมีใครช่วย           นอกจากนี้ยังมีบริษัทผลิตเมาส์ตัวเล็กๆ ที่เหมาะกับมือเด็ก เป็น รูปร่างและลวดลายการ์ตูน ยิ่งทำให้เด็กเล็กอายุ 2-3 ขวบใช้เมาส์ได้ง่ายขึ้น คุณพ่อคุณแม่หลายคนรู้สึกภาคภูมิใจนะครับ ที่เห็นลูกสามารถใช้เมาส์ได้ตั้งแต่ยังเล็ก แต่พ่อแม่ส่วนหนึ่งอาจสังเกตเห็นว่าลูกไม่ได้เรียนรู้อะไรมากมายนัก ก็แค่คลิ๊กๆ ลากๆ เมาส์ แล้วก็เล่นเกมซ้ำๆ และปัจจุบันเริ่มมีผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่าการให้เด็กเล่นคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ยังเล็กอาจจะไม่ดีเสมอไปนะครับ เริ่ม มีการโต้เถียงกันมากว่า เด็กสมควรจะเรียนรู้เทคโนโลยีกันแต่ตั้งเล็กๆ หรือไม่ พ่อแม่ และโรงเรียนบางแห่งเริ่มมองว่าไม่มีประโยชน์ และยังเตือนอีกว่า การเร่งรัดนั้นยังไปขัดขวางพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กครับ …

ให้ลูกเล่นคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เล็ก…ดีไหม Read More »

86 2

ใยอาหาร : คืออะไร?/พบในที่ใดบ้าง?

ในปัจจุบันมีคนพูดถึง ใยอาหาร กันมาก ท่านอาจจะสงสัยและนึกไม่ออกว่าใยอาหารเป็นส่วนประกอบส่วนใดของอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ความจริงแต่ก่อนเราเรียกว่ากากอาหาร ต่อมาพบว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่เคยเข้าใจกัน จึงเปลี่ยนชื่อให้ไพเราะขึ้นว่า ใยอาหาร ใยอาหาร           หมายถึง ส่วนของอาหารที่เรารับประทานเข้าไป แล้วร่างกายไม่มีน้ำย่อยอะไรที่จะมาย่อยส่วนที่เป็นใยอาหารได้ จนกระทั่งถูกขับถ่ายออกมา ใยอาหารนี้ไม่มีสารอาหารใดๆ เลย และไม่ให้พลังงานใดๆ ทั้งสิ้น ใยอาหารจะมีเฉพาะในพืชเท่านั้น ไม่มีใยอาหารจากสัตว์ บางท่านคงจะมีคำถามว่าทำไมแนะนำให้รับประทาน แต่ไม่เห็นให้ประโยชน์อะไรเลย สำหรับประโยชน์ของใยอาหารนั้น ได้แก่ ใยอาหารช่วยทำให้การขับถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการช่วยลด           โคเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด และใยอาหารยังช่วยลดอัคราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่           พืชที่จัดว่ามีใยอาหารสูง ได้แก่ ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง นอกจากนี้ยังมีงาและรำข้าว ก็มีเส้นใยสูง           พืชที่ใยอาหารปานกลาง ได้แก่ ผักและผลไม้บางชนิดเช่นมะเขือพวง สะเดา ใบชะพลู ผักกระเฉด หัวปลี เห็ดหูหนู พริกชี้ฟ้า ใบกระเพรา ใบมะกรูด แครอท ละมุด ฝรั่ง มะม่วงดิบ           …

ใยอาหาร : คืออะไร?/พบในที่ใดบ้าง? Read More »

85 2

ใบเตยหอม

สมุนไพรเตยหอมนั้น          คนไทยคุ้นเคยกันมานานเนื่องจากอดีตนิยมนำเตยหอมมาประกอบอาหาร และขนมหวาน เช่น ไก่อบห่อใบเตย ใช้แต่งกลิ่นเวลาหุงข้างเจ้า และข้างเหนียวหรือนำไปแต่งกลิ่น และสีของขนม เช่น วุ้นกะทิ ขนมชั้น ขนมเป ขนมลอดช่อง ขนมขี้หนู จะเห็นได้ว่าเราใช้สมุนไพรเตยหอมมากมา แต่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าสมุนไพรเตยหอมนั้นมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรอะไรบ้าง เตยหอมจัดเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ขึ้นเป็นกอ ลำต้นสูงประมาณ 2-3 เมตร ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ และใกล้น้ำ ลำต้นกลมต่อเป็นข้อ ๆ ข้อที่อยู่ใกล้โคนลำต้นจะมีรากงอกออกมา เพื่อค้ำลำต้น ใบจะออกจากลำต้นเรียงเวียนแน่นรอบลำต้น ใบมีสีเขียว รูปเรียวยางคล้ายหอกปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ไม่มีหนาม ใบมีกลิ่นหอมเย็น ไม่มีดอก ขยายพันธุ์โดยใช้หน่อเล็ก ๆ           ส่วนที่นำมาใช้เป็นยา คือ ใบโดยใบเตยประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหย และมีสีเขียวของคลอโรฟิลล์ ซึ่งในน้ำมันหอมระเหยประกอบไปด้วยสารหลายชนิด เช่น ไลนาลิลอะซีเตท (Linalyl acetate) เบนซิลอะซีเตท (Benzyl acetate) ไลนาโลออล (Linalool) และเจอรานิออล(geraniol) และสารที่ทำให้มีกลิ่นหอม คือ คูมาริน …

ใบเตยหอม Read More »

84 2

โอเมก้า-3 อาจช่วยสุขภาพร่างกายหลายส่วน แต่ไม่ช่วยบำรุงสมองในผู้สูงอายุ

โดยงานวิจัยพบว่า ส่วนประกอบสำคัญของน้ำมันปลา หรือกรดไขมันโอเมก้า-3 นั้นไม่ได้ช่วยอาการสมองเสื่อมในผู้สูงอายุเม็ดแคปซูลน้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมที่นิยมรับประทานกัน ผู้คนในสหรัฐใข้จ่ายเพื่อซื้อมันกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ไม่แน่เงินส่วนนี้อาจจะนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้ดีกว่า โดยงานวิจัยใหม่เป็นงานวิจัยขนาดยักษ์ที่พบว่า ส่วนประกอบสำคัญของน้ำมันปลา หรือกรดไขมันโอเมก้า-3 นั้นไม่ได้ช่วยอาการสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ           ด้วยการทำการวิจัยกับกลุ่มทดลองเกือบ 4,000 คน ที่ถูกติดตามเป็นระยะเวลานานกว่า 5 ปี จากการให้ข้อมูลของนักวิจัย การวิจัยนี้เป็นหนึ่งในงานวิจัยที่ใหญ่ที่สุดและยาวนานที่สุดเลยทีเดียว ถูกตีพิมพ์ใน Journal of the American Medical Association ซึ่งไม่สนับสนุนคำกล่าวอ้างที่ว่า การรับระทานโอเมก้า-3 สามารถช่วยป้องกันสมองจากความเสื่อมทางการรับรู้ได้”สวนกระแสความเชื่ออย่างสิ้นเชิง เราไม่พบผลเกี่ยวโยงใดๆ ของการรับประทานโอเมก้า-3 เพื่อหยุดโรคสมองเสื่อมอย่างอ่อนนี้” กล่าวโดย อีมิลี่ ชีว รองผู้อำนวยการสถาบันจักษุแห่งชาติ ส่วนหนึ่งของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐเธอบอกกับเราว่า “การรับประทานไม่ได้ไปหยุดโรค” “ถ้าผู้คนคิดว่ามันจะไปช่วยกลไกการรับรู้ของสมอง มันก็ไม่ได้ช่วยเหมือนกัน ในกลุ่มผู้สูงอายุ” นักวิจัยทำการสุ่มกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 4 กลุ่ม : กลุ่มหนึ่งให้รับประทานยาหลอก(placebo) อีกกลุ่มให้ทาน โอเมก้า-3 อีกกลุ่มหนึ่งให้ทาน Lutein และ Zeaxanthin เป็นสารอาหารที่พบในพวกผักใบเขียว …

โอเมก้า-3 อาจช่วยสุขภาพร่างกายหลายส่วน แต่ไม่ช่วยบำรุงสมองในผู้สูงอายุ Read More »

83 2

โสม

เป็นสมุนไพรที่จัดว่าเป็นราชาแห่งสมุนไพร ใช้รักษาโรคมานานกว่า 2,000 ปี โสม นิยมใช้ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันโดยประเทศทางตะวันออกเชื่อว่าเป็นยาครอบจักรวาล โสมมีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น โสมจัน โสมญี่ปุ่น โสมเกาหลี โสมอเมริกา ผักกะโสม โสมไทย โสมดอกแดง และโสมที่นิยมใช้กันมาพันปี คือ โสมเกาหลี หรือโสมอเมริกา ซึ่งเชื่อว่ามีสรรพคุณทางยาอย่างแท้จริง คำว่า Gingseng มาจากภาษาจีนว่า เรนเซ็น (Ren Shen) แปลว่า โสมคน เนื่องจากมีรากอ้วนคล้ายลำตัว มีกิ่งรากแตกแขนงคล้ายแขนขาของคน เป็นพืชที่โตช้าปลูกยาก แต่ให้คุณค่ามหาศาล โสมที่เราคุ้นเคยคือโสมเกาหลี หรือโสมคน โสมได้รับการจัดเข้าเป็นพืชตระกูล Panax ginseng CA Meyer โดยนักพฤกษาศาสตร์ชาวรัสเซียชื่อว่า CA Meyer ในปี 2385 คำว่า Panax มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกแปลว่า “รักษาได้สารพัดโรค” ต่อมาในปี 2503 ได้นำมาตรวจสอบอย่างเป็นระบบโดยบริษัทฟาร์มาตอน เอสเอ จำกัด ในเมืองลูกาโน ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ …

โสม Read More »

Scroll to Top