article_writer

39 1

เชื้อรา

เชื้อราเป็นสิ่งมีชีวิตในกลุ่มยูคาริโอท มีบทบาทสำคัญยิ่งในระบบนิเวศในฐานะผู้ย่อยสลายอินทรีย์สาร ไม่มีคลอโรฟิลล์ สังเคราะห์แสงไม่ได้ จึงจัดเป็นพวกเฮเทอโรโทรฟ โดยส่วนใหญ่ดำรงชีวิตแบบผู้ย่อยสลาย บางชนิดเป็นพาราสิต และบางชนิดอาศัยอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่นแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เชื้อราส่วนใหญ่สืบพันธุ์โดยการสร้างสปอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถเพิ่มปริมาณได้มากในเวลาอันรวดเร็ว เชื้อราที่เป็นไมคอไรซาอาศัยอยู่กับพืชบริเวณรากของพืชที่เป็นเจ้าบ้าน ไมคอไรซาบางชนิดเข้าไปอยู่ภายในเนื้อเยื่อของส่วนราก ไมคอไรซาช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิดจากดิน จึงช่วยให้พืชเจ้าบ้านเติบโตได้เร็วและแข็งแรง เชื้อราที่อยู่ร่วมกับสาหร่ายในลักษณะของไลเคนส์จะเจริญเติบโตช้า ๆ ไลเคนส์ที่พบทั่วไปมีลักษณะเป็นแผ่นแบน หรือเป็นเส้นสายห้อยลงมาจากต้นไม้ในป่าที่มีความชื้นสูง ไลเคนส์หลายชนิดเจริญบนผิวของต้นไม้และบนก้อนหิน เชื้อราแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือ ราชนิดเซลล์เดียว และราสายซึ่งเป็นราชนิดหลายเซลล์ ราชนิดเซลล์เดียว เรียกว่า yeast เมื่อพูดถึงยีสต์ก็มักจะเป็นที่รู้จักกันดีโดยทั่วไป ส่วนราสายนั้นมีชื่อเรียกว่า mold ซึ่งมีทั้งชนิดที่ก่อให้เกิดโรค และชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดโรค ความสามารถในการก่อโรคของเชื้อรา พบได้ทั้งในมนุษย์ โรคของสัตว์ และโรคของพืช การศึกษาเรื่องราวของเชื้อราจึงกระทำได้อย่างกว้างขวางมาก ทั้งนี้ขึ้นกับแง่มุมที่สนใจและแนวทางที่จะนำความรู้มาประยุกต์ใช้เนื่องจากเชื้อราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถสังเคราะห์อาหารเองได้จำเป็นต้องอาศัยอาหารจากผู้อื่น เชื้อราบางชนิดอาศัยอินทรียสารจากซากพืช บางชนิดเจริญเติบโตและก่อโรคในสิ่งมีชีวิตที่มันอาศัยอยู่เชื้อราก่อโรคในมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นทั้งสองแบบ ทั้งก่อให้เกิดโรคและเจริญได้โดยอาศัยอินทรียสารจากธรรมชาติ ความต้องการอาหารของเชื้อราแต่ละชนิดแตกต่างกันไป น้ำตาลกลูโคสเป็นแหล่งของคาร์บอนที่เชื้อราชอบ สำหรับแหล่งของไนโตรเจนมักเป็นสารประกอบแอมโมเนีย ราบางจำพวกต้องการธาตุไนโตรเจนจากกรดอะมิโน เคอราติน และพบว่าราส่วนใหญ่ไม่ต้องการวิตามินในการเจริญเติบโต อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญของราทั่วไปคืออุณหภูมิห้องหรือประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส เชื้อราก่อโรคส่วนใหญ่มักจะเจริญได้ดีในช่วงอุณหภูมิห้องจนถึง 37 องศาเซลเซียส ราบางชนิดเจริญได้ดีในที่อุณหภูมิสูง 40-50 …

เชื้อรา Read More »

38 1

เชื้อนิวโมคอคคัส

เชื้อนิวโมคอคคัส (Pneumococcus) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Streptococcus pneumoniae เป็นแบคทีเรียที่สำคัญ และเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็ก สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อที่มีความรุนแรง ตั้งแต่น้อยไปจนถึงระดับที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เชื้อนิวโมคอคคัสเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถพบได้ในทางเดินหายใจของคนทั่วไป โดยผู้ที่มีเชื้อนิวโมคอคคัสในร่างกาย อาจมีอาการแสดงของการเป็นโรค หรืออาจไม่เป็นโรคก็ได้ ผู้ที่มีเชื้ออาศัยอยู่โดยไม่ได้เป็นโรค เรียกว่าเป็นพาหะ ซึ่งสามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นได้เช่นเดียวกัน เชื้อนิวโมคอคคัสเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดกรัมบวกมี 90 กว่าสายพันธุ์ (serotype) และ 42 serogroup โดยมีบางสายพันธุ์เท่านั้นที่เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อในมนุษย์ โดยทั่วไปพบเชื้อนี้ได้ในทางเดินหายใจส่วนต้น โพรงจมูก และคอหอย เชื้อนิวโมคอคคัสสามารถแบ่งตัวได้ดีในปอด ทำให้เกิดปอดอักเสบ และแพร่กระจายเข้ากระแสเลือด ทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ หรือกระจายเข้าสู่เนื้อเยื่อรอบสมอง และไขสันหลังทำให้เกิดอาการของเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โดยผู้ที่มีเชื้อในลำคอจะเป็นพาหะแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นได้ทางละอองเสมหะหรือน้ำมูก ในเด็กไทยปกติพบเชื้อนิวโมคอคคัสในทางเดินหายใจส่วนต้นประมาณร้อยละ 35-40 โดยพบมากที่สุดในเด็กทารกและเด็กเล็กในช่วงอายุ 2 – 3 ปี ส่วนในผู้ใหญ่พบเชื้อในทางเดินหายใจส่วนต้นน้อยกว่าในเด็กมาก โดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 4 แหล่งที่พบเชื้อส่วนใหญ่จะพบในที่ที่มีผู้คนอยู่แออัด เช่น ชั้นเรียน ห้องทำงาน สถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน โรงแรม หอพัก กองทหาร ค่ายผู้อพยพ คุก …

เชื้อนิวโมคอคคัส Read More »

37 1

เชื้อไวรัสในค้างคาว

เชื้อไวรัสในค้างคาวพบไวรัสมากกว่า 60 ชนิดจากค้างคาวซึ่งก่อให้เกิดโรคในคน เช่น ไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies),ไวรัสอีโบล่า (Ebola),ไวรัสซาร์ส (SARS), ไวรัสนิปาห์ เอ่ยชื่อ “นกมีหู หนูมีปีก” คนไทยตั้งแต่เด็กจนถึงคนเฒ่าคนแก่รู้ดีว่าเป็นสมญานามของ ”ค้างคาว” สัตว์ซึ่งหากินกลางคืนชนิดหนึ่ง และเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่สามารถบินได้เหมือนนกหรือบางทีอาจจะดีกว่านกบางชนิดเสียอีก ค้างคาวมีวิวัฒนาการมาจากสัตว์จำพวกฟันแทะ เช่น หนูกระแต มีการค้นพบซากฟอสซิลค้างคาวที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุประมาณ 50 ล้านปีมาแล้วค้างคาวเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยที่ส่วนมือและแขนเปลี่ยนแปลงไปทำหน้าที่เป็นปีก มีเนื้อเยื้อบางๆ เชื่อมระหว่างนิ้วมือ แขน ขาและลำตัว มีเส้นเลือดกระจายไปทั่วเนื้อเยื่อเพื่อหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อและระบายความร้อนจากร่างกายค้างคาวเป็นสัตว์ที่มีความลึกลับซ่อนเร้น น้อยคนนักที่จะรู้จักและเข้าใจเกี่ยวกับค้างคาวอย่างดีพอ เหตุเพราะมันหากินในเวลาค่ำคืน และอาศัยอยู่ในถ้ำ ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่ามันเป็นปีศาจ ทำลายสวนผลไม้ และสกปรก ค้างคาวชนิดต่างๆ ค้างคาวในโลกนี้มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 1,000 ชนิด ในประเทศไทยมีประมาณ 100 ชนิด สามารถแบ่งค้างคาวออกเป็น 2 พวกใหญ่ๆ คือค้างคาวกินผลไม้ และค้างคาวกินแมลง 1.ค้างคาวกินผลไม้ เป็นพวกที่กินน้ำหวานดอกไม้ ละอองเกสรและผลไม้เป็นอาหาร ในประเทศไทยมีค้างคาวชนิดนี้มากกว่า 15 ชนิด เช่น ค้างคาวแม่ไก่ ค้างคาวขอบหูขาว ค้างคาวบัว …

เชื้อไวรัสในค้างคาว Read More »

37 1

เชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 คืออะไร

เอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ประกอบไปด้วยเชื้อไวรัสทั้งหมด 68 ซีโรทัยป์ ส่วนใหญ่ก่อให้เกิดโรคในเด็กซึ่งเป็นโรคที่ไม่รุนแรง และสามารถหายได้เอง ซึ่งการก่อโรคในลักษณะนี้จะคล้ายคลึงกันสำหรับสมาชิกในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส บางครั้งพบการติดเชื้อโดยไม่ปรากฏอาการซึ่งทำให้ไม่สามารถวินิจฉัยได้ในทางปฏิบัติ ในบางกรณีการติดเชื้ออาจรุนแรงมากขึ้น เช่น ทำให้เกิดอาการผื่น อุจจาระร่วง อาการเหมือนไข้หวัด ทำให้เกิดโรคมือเท้าปาก โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ที่สำคัญคือ บางครั้งอาจก่อให้เกิดโรคมากกว่าหนึ่งโรคก็ได้ อาการทางระบบประสาทที่พบได้บ่อยเป็นอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง คล้ายกับโรคโปลิโอ หรือกลุ่มอาการกิแลงเบอเร่ ถ้าเชื้อลุกลามเข้าไปในเนื้อสมองจะก่อให้เกิดการอักเสบของสมอง ลักษณะเป็นโรคไข้สมองอักเสบ เชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 (EV71) เป็นเชื้อที่พบว่าก่อให้เกิดการระบาดสำคัญหลายครั้งหลายหน โดยพบครั้งแรกเมื่อปี 1969 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้น พบระบาดไปทั่วโลก ปรากฏเป็นข่าวเมื่อเกิดการระบาดในประเทศสหรัฐอเมริกา บราซิล ยุโรป ออสเตรเลีย มาเลเซีย และไต้หวัน การระบาดของ เชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 เกิดขึ้นได้สองลักษณะ อาจเกิดเป็นการระบาดเล็กน้อยที่มีเด็กป่วยไม่มากและส่วนใหญ่ไม่ทำให้เสียชีวิต อีกลักษณะหนึ่งเป็นการระบาดที่รุนแรง พบเด็กติดเชื้อเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก การระบาดที่รุนแรง พบที่ประเทศบุลกาเรีย ในปี 1975 ประเทศฮังการีในปี 1978 ประทศมาเลเซียในปี 1997 ประเทศไต้หวันในปี 1998, …

เชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 คืออะไร Read More »

36 1

เจ็นเทิลแย็ก (Gentle YAG)

Gentle YAG เป็นเลเซอร์ใหม่ล่าสุดในการรักษาริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าโดยเลเซอร์รุ่นนี้จะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ หลังทำ เพราะมีความยาวคลื่นแสงเลเซอร์ที่สูงทำให้แสงเลเซอร์ลงไปสู่ผิวได้ลึกและไม่ทำให้ผิวชั้นนอกถูกทำลายโดยเลเซอร์จะส่งพลังงานความร้อนไปกระตุ้นให้เกิดการเสริมเส้นใย Collagen ใหม่ในชั้นหนังแท้ เพื่อไปทดแทน เส้นใย Collagen เก่าที่เสื่อมสลายลงตามวัย และสภาวะแวดล้อมทำให้ริ้วรอยต่างๆ ลดลง โดยไม่ต้องอาศัยการผ่าตัด ไม่มีอาการเจ็บระหว่างทำการรักษา ไม่มีผลข้างเคียงหลังการรักษา ไม่มีแผลเป็นและรอยด่างดำหลังการรักษาซึ่งแสงเลเซอร์ Gentle YAG ทำให้มีการปรับคืนสภาพผิวให้แต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ สามารถรักษาอะไรได้บ้าง รักษาริ้วรอยเหี่ยวย่น (Wrinkle) ถอนขนถาวร (Permanent Hair Removal) รักษาเส้นเลือดขอด (Leg Vein) 1 ที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 มม. ตามใบหน้า และร่างกาย รอยดำชนิดตื้น เช่น กระ วิธีการรักษา แพทย์จะฉายแสงเลเซอร์ Gentle YAG ให้ทั่วหน้าหรือบริเวณที่ต้องการรักษา โดยค่อยๆ ทำทีละส่วนจนทั่วบริเวณคนไข้จะรู้สึกว่ามีกลิ่นไหม้จากขนอ่อนบนบริเวณที่ทำการรักษาบ้าง ไม่ต้องกังวล เพราะจะทำให้บริเวณนั้นเรียบเนียนขึ้น และไม่มีรอยด่างดำแต่อย่างใดคนไข้จะรู้สึกอุ่นๆ บริเวณที่ทำการรักษาใช้เวลาในการรักษาประมาณ 10-20 นาทีเพื่อให้ผลการรักษาที่ดี ควรทำต่อเนื่อง 4-5 ครั้ง …

เจ็นเทิลแย็ก (Gentle YAG) Read More »

35 1

เครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัต

เครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัติการตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดมีความสำคัญมากในการวินิจฉัยโรคเลือดและโรคอื่นๆอีกหลายชนิด ถือเป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการพื้นฐานที่ควรรู้จัก เรียกว่า complete blood count (CBC) โดยทั่วไปแพทย์เลือกการตรวจที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย และกระทำอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด ปัจจุบันได้มีการนำเครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัติ (automated CBC) มาใช้อย่างแพร่หลาย พบว่าการตรวจด้วยเครื่องอัตโนมัติช่วยทุ่นแรงในการตรวจคัดกรองตัวอย่างเลือดปกติได้เป็นอย่างดี และยังสามารถช่วยในการวินิจฉัยโรคบางโรคได้อย่างแม่นยำในเบื้องต้น เทคนิคที่ใช้ในการนับจำนวนเม็ดเลือดโดยเครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัติ มีสองวิธีใหญ่ๆคือ วิธีวัดเซลล์เม็ดเลือดที่วิ่งผ่านรูเล็กๆภายใต้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า และวิธีใช้แสงเลเซอร์ส่องผ่านไปยังเซลล์เม็ดเลือดแล้วตรวจดูการหักเหของแสงด้วยตัวรับในมุมต่างๆ สำหรับวิธีวัดเซลล์เม็ดเลือดที่วิ่งผ่านรูเล็กๆภายใต้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า เครื่องจะทำการตรวจสองครั้ง ครั้งแรกตรวจเลือดที่ทำให้เจือจางเพื่อตรวจนับเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดก่อน โดยแยกที่ขนาดของเซลล์ เซลล์ที่มีขนาด 0.20 fl จะนับเป็นเกล็ดเลือดในขณะที่เซลล์ขนาด 50-200 fl จะนับเป็นเม็ดเลือดแดง การตรวจครั้งที่สอง เครื่องจะใช้ตัวอย่างเลือดที่ผสมสารซึ่งทำให้เม็ดเลือดแดงแตกเพื่อทำการตรวจนับเม็ดเลือดขาวอีกครั้งส่วนวิธีที่สองคือวิธีใช้แสงเลเซอร์ส่องผ่านไปยังเซลล์เม็ดเลือดแล้วตรวจดูการหักเหของแสงด้วยตัวรับในมุมต่างๆ วิธีนี้ใช้แสงเลเซอร์ส่องผ่านไปยังเซลล์เม็ดเลือด และตรวจดูการหักเหของแสงด้วยตัวรับในมุมต่างๆซึ่งรูปแบบของการหักเหนี้จะขึ้นอยู่กับจำนวนขนาด และส่วนประกอบภายในเซลล์การนับแยกเม็ดเลือดขาวมีได้หลายแบบขึ้นกับชนิดและหลักการทำงานของเครื่อง โดยอาจแบ่งเป็นแบบใหญ่ๆได้ดังนี้ แบบแรกแบ่งเม็ดเลือดขาวออกเป็น 3 ชนิดโดยดูขนาดของเซลล์ที่วัดได้ ขนาด30-90 fl เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟซัยท์ (lymphocyte) ขนาด 90-160 fl เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดโมโนนิวเคลียร์เซลล์ (mononuclear cell) และขนาด 160-450 fl เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแกรนูโลซัยท์ (granulocyte)แบบที่สองจะแบ่งเม็ดเลือดขาวออกเป็น 5 …

เครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัต Read More »

34 1

เครื่องไตเทียมช่วยฟอกเลือด

การฟอกเลือด หมายถึงนำเลือดออกจากร่างกายผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ผ่านเข้าเครื่องไตเทียม แล้วให้เครื่องทำการฟอกเลือดเหมือนกับไตที่ทำหน้าที่ตามปกติ โดย ปกติแล้วไตมีหน้าที่หลักๆ คือ กำจัดของเสีย และปรับระดับเกลือแร่รวมทั้งสมดุลของสารน้ำในร่างกาย เมื่อเครื่องไตเทียมทำหน้าที่ฟอกเลือดแล้ว จึงนำเลือดกลับเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วยในระบบที่ปราศจากการปนเปื้อนเครื่องไตเทียม (หรืออาจเรียกว่า “เครื่องฟอกเลือด”)ใช้ ตัวกรองช่วยทำให้เลือดสะอาด อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนของเสีย เกลือแร่ ระหว่างเลือดกับน้ำยาฟอกเลือด ในขณะที่เลือดไหลผ่านตัวกรอง ซึ่งมีลักษณะเป็นหลอดเล็กๆ เหมือนหลอดเลือดฝอยที่มีรูขนาดเล็กมากๆ อยู่ที่ผนังของหลอด และมีน้ำยาฟอกเลือดไหลผ่านอยู่ด้านนอกเลือดของเสียที่มีระดับสูงในเลือดจะ เคลื่อนผ่านผนังของตัวกรองเข้าไปอยู่ในน้ำยาฟอกเลือดทำให้ระดับของเสีย ในเลือดลดลงส่วนน้ำและเกลือแร่จะมีการเคลื่อนผ่านผนังของตัวกรอง ทำให้ระดับของเกลือแร่และดุลของสารน้ำในร่างกายเป็นปกติ ประโยชน์ที่ได้รับจากเครื่องไตเทียม อาการอันเกิดจากการคั่งของเกลือ และของน้ำ ได้แก่ อาการบวม หอบ เหนื่อย นอนราบไม่ได้ จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็น ได้ภายใน 1 – 2 วัน ความดันโลหิตที่สูงอยู่ก่อนจะลดลงและควบคุมได้ดีขึ้น หากมีภาวะหัวใจล้มเหลว อาการจะดีขึ้นอย่างชัดเจนภายใน 1 – 3 วัน อาการหอบเหนื่อย อันเกิดจากเลือดเป็นกรด จะดีขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลา 1 – 3 วัน ส่วนอาการอันเกี่ยวข้องกับระบบประสาท ได้แก่ มึนงง …

เครื่องไตเทียมช่วยฟอกเลือด Read More »

33

เกลื้อน

เกลื้อน (Tinea versicolor) จัดว่าเป็นโรคติดเชื้อราของผิวหนังชนิดตื้น การติดเชื้อเกิดขึ้นบริเวณผิวบนของผิวหนัง หรือหนังกำพร้าส่วนบนเท่านั้น เกลื้อนเป็นโรคผิวหนังที่แตกต่างจากโรคกลาก เกิดจากการติดเชื้อเกลื้อนที่ผิวหนังชั้นนอกสุด ทำให้ผิวหนังเกิดเป็นด่างดวง บริเวณที่เป็นโรคมักมีสีอ่อนกว่าสีผิวหนังเดิม หรืออาจเป็นสีน้ำตาล พบได้บ่อยในคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะในผู้ที่ใส่เสื้อผ้าที่อบ มีเหงื่อออกมาก หรือผิวมันในระยะ เริ่มแรกจะปรากฏเป็นดวงเล็กๆ ต่อมาจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหลายดวงได้ หรืออาจรวมตัวกันขยายเป็นปืนใหญ่ โดยมากเกลื้อนไม่ทำให้มีอาการคัน แต่บางครั้งก็อาจมีอาการคันเกิดขึ้นได้ เกลื้อนพบบ่อยในกลุ่มวัยรุ่น ทั้งหนุ่ม และสาว เพราะเป็นวัยที่ต่อมไขมันทำงานมาก ผู้ที่เป็นโรคเกลื้อนมีแนวโน้มทางพันธุกรรมอยู่กล่าวคือจะเป็นคนผิวมัน มีความต้านทานต่อเชื้อเกลื้อนน้อยกว่าคนทั่วไป ผู้ที่ปฏิบัติงานในสถานที่อบ ร้อน เหงื่อมาก มีโอกาสเกิดได้ง่ายกว่าปกติ สาเหตุ สาเหตุเกิดจากเชื้อยีสต์ที่ชอบไขมันชนิดหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณขุมขนใช้น้ำมันที่หลั่งออกมาจากต่อมไขมันเป็นอาหาร ในสภาวะปกติ ยีสต์จะมีจำนวนน้อยไม่ทำให้เกิดโรค แต่ในบางภาวะที่ผิวหนังมันมากๆและอับชื้นเนื่องจากมีเหงื่อชุ่มอยู่กับเสื้อผ้า ยีสต์จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้น และเปลี่ยนรูปร่างเป็นชนิดที่ทำให้เกิดโรคเกลื้อน เกลื้อนเกิดจากการกำเริบของเชื้อยีสต์ที่มักอาศัยอยู่ที่ผิวหนังของคนเราอยู่แล้ว เห็นเป็นรอยจุดขาวตามรูขุมขน ชาวบ้านจึงเรียกว่า “เกลื้อนดอกหมาก” แต่ในบางรายก็อาจเห็นเป็นผื่นสีชมพู สีน้ำตาล จนถึงสีดำก็ได้ อาจมีอาการคันหรือไม่คันก็ได้ อาการ เกิดผื่นขนาดต่างๆ กัน ส่วนใหญ่สีขาว บางครั้งสีออกชมพู หรือน้ำตาล มีสะเก็ดบางๆ ที่ผิว ไม่มีอาการ แต่ลุกลามเร็ว …

เกลื้อน Read More »

32 1

เกลือแร่ : ความสำคัญต่อร่างกาย

ร่างกายคนเราจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่สำคัญครบทั้ง 6 ประเภท ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ และน้ำ จึงจะทำให้อวัยวะต่างๆ ทำหน้าที่ได้ตามปกติ ร่างกายจะมีเกลือแร่อยู่ร้อยละ 4-5 ของน้ำหนักตัว และสามารถแบ่งเกลือแร่ที่คนต้องการออกเป็น 2 ประเภท คือ1. เกลือแร่ที่ต้องการในขนาดมาก หมายถึง ร่างกายต้องการวันละมากกว่า 100 มิลลิกรัม เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส โปรแตสเซียม เป็นต้น2. เกลือแร่ที่ต้องการในขนาดน้อย หมายถึง ร่างกายต้องการวันละ น้อยกว่า 15 มิลลิกรัม เช่น เหล็ก สังกะสี ไอโอดีน ฟลูโอรีน เป็นต้น ความสำคัญของเกลือแร่ต่อร่างกาย พอสรุปได้ 5 ประการ คือ 1. เป็นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม2. เป็นส่วนประกอบของโปรตีน ฮอร์โมน เช่น …

เกลือแร่ : ความสำคัญต่อร่างกาย Read More »

close up doctor holding pills

การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ในศตวรรษที่21

ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมที่นับวันยิ่งจะทำให้ระบบต่างๆ พัฒนาก้าวหน้าและรวดเร็วมากขึ้น จากอดีตเราเคยใช้โทรศัพท์สำหรับพูดติดต่อสื่อสารเท่านั้น แต่ปัจจุบันเราสามารถใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อถ่ายรูป ถ่ายคลิปวีดีโอ ฟังเพลง หรือแม้กระทั่งเชื่อมต่อกับสื่อออนไลน์ต่างๆ ได้ ทำให้เห็นทั้งภาพเคลื่อนไหวและได้ยินเสียงของคู่สนทนาของเราในเวลาเดียวกัน ช่วยให้การติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านการสื่อสารโทรคมนาคมยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ สำหรับด้านการแพทย์และสาธารณสุขนั้น เราเรียกการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้เพื่อการดูแลรักษาผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลนี้ว่า การแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ให้คำจำกัดความของคำว่า “การแพทย์ทางไกล” หรือ “Telemedicine” หมายถึง การจัดให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนที่อยู่ห่างไกลโดยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัย การรักษาและการป้องกันโรค รวมถึงการศึกษาวิจัย และเพื่อประโยชน์สำหรับการศึกษาต่อเนื่องของบุคลากรทางการแพทย์ (1) องค์ประกอบที่สำคัญของ Telemedicine มี 4 ประการ(1) ได้แก่1. เป็นระบบที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การสนับสนุนด้านการแพทย์2. เป็นระบบที่ตั้งใจจะเอาชนะอุปสรรคทางภูมิศาสตร์หรือการเข้าถึงบริการทางการแพทย์จากสถานที่ห่างไกล3. มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหลายชนิดมาใช้4. มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลลัพธ์ทางการรักษาโรคให้ดีขึ้น การใช้ระบบ Telemedicine เริ่มต้นในปี ค.ศ.1960 จากแรงผลักดันทางการทหารและเทคโนโลยีทางอวกาศของประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกับการใช้อุปกรณ์การสื่อสารที่มีอยู่ในขณะนั้น เช่น การใช้ระบบโทรทัศน์ช่วยในการปรึกษากันระหว่างจิตแพทย์ที่สถาบันทางจิตเวชกับแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปที่โรงพยาบาลจิตเวช และการให้คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงเรียนแพทย์ไปยังศูนย์การแพทย์ที่สนามบินที่อยู่อีกแห่งหนึ่ง ต่อมาการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ก้าวหน้าและหลากหลายทั่วโลกเป็นปัจจัยผลักดันที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาระบบ Telemedicine โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาที่เปลี่ยนจากยุคอนาล็อก (analog) …

การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ในศตวรรษที่21 Read More »

31 1

ยาลดกรดในกระเพาะอาหารกลุ่ม Proton-pump Inhibitors (PPIs)

จากชีวิตประจำวันที่ต้องเร่งรีบ และแข่งขันกับเวลา คนไทยจึงเลือกที่จะงดรับประทานอาหารบางมื้อ หรือรับประทานนอกเวลาปกติ ทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการมีภาวะแผลในกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะอาหารอักเสบที่ค่อนข้างสูง หรือที่คนทั่วไปมักจะมีอาการที่เรียกว่า หิวก็ปวด อิ่มก็ปวดแสบยอดอก หรือ เรอเหม็นเปรี้ยว เป็นต้น ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารและคนส่วนใหญ่มักคิดว่า เล็กน้อยจึงมักจะซื้อยาลดกรดมารับประทานเอง หากอาการกำเริบและเรื้อรังมากกว่านั้นถึงขั้นต้องไปพบแพทย์ แพทย์มักจะสั่งจ่ายยากลุ่ม Proton-pump Inhibitorsร่วมกับการใช้ยาลดกรดด้วย ดังนั้นเพื่อความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับการรักษา จึงควรมาทำความรู้จักกับยากลุ่มนี้ ซึ่งยากลุ่มนี้จะมีทั้งในรูปแบบรับประทานและรูปแบบฉีด แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะในรูปแบบรับประทานเท่านั้น กลไกการออกฤทธิ์ยากลุ่ม Proton-pump Inhibitors ยากลุ่มนี้จะต้านการหลั่งกรดโดยยับยั้งเอนไซม์ H+/ K+ ATPase ที่เซลล์ผนังกระเพาะอาหาร จึงเสมือนเป็นตัวยับยั้งการปั๊มกรดเข้าสู่กระเพาะอาหาร ข้อบ่งใช้ เนื่องจากกลไกการออกฤทธิ์ที่ต้านการหลั่งกรด ยากลุ่มนี้จึงมีข้อบ่งใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดอาหารอักเสบชนิดปานกลางถึงรุนแรง (Moderate to severe reflux esophagitis) แผลในกระเพาะอาหาร(Gastric Ulcers) แผลในลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenal ulcers)ภาวะที่ร่างกายมีการหลั่งกรดสูง(Hypersecretion) โรค Zollinger-Ellison-Syndrome นอกจากนี้ยากลุ่มนี้จะใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมอีก 2 ชนิด เพื่อกำจัดเชื้อ Helicobacter pylori ซึ่งเป็นสาเหตุของการกลับเป็นซ้ำของแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น รวมถึงบรรเทาอาการการไหลย้อนกลับของกรดเช่น แสบยอดอก …

ยาลดกรดในกระเพาะอาหารกลุ่ม Proton-pump Inhibitors (PPIs) Read More »

30 1

JET LAG (เจ็ทแล็ก)

ในปัจจุบันทุกคนมีการเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังประเทศต่างๆมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว การไปทำธุรกิจหรือการไปศึกษาต่อต่างประเทศ ซึ่งรวมทั้งนักกีฬาก็เช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่มีการแข่งขันในต่างประเทศสิ่งหนึ่งที่ทางผู้จัดการทีม โค้ชและแพทย์ประจำทีมจะต้องคิดถึงก็คือเรื่อง Jet Lag ซึ่งผมไม่ทราบว่าในภาษาไทยมีคำบัญญัติไว้ว่าอย่างไร แต่หากเขียนตามคำอ่านออกเสียง ดูจะไม่ค่อยเพราะหูเท่าใด (เจ็ทแหล็ก หรือ เจ็ทแหลก) แต่อย่างไรก็ตามขอให้เข้าใจความหมายและเข้าใจวิธีปฏิบัติตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งบุคคลทั่วไปที่ต้องเดินทางและนักกีฬาตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องที่ต้องเดินทางไปประเทศอื่นๆ ความหมายของ Jet Lag Jet Lag เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่เดินทางไปยังประเทศต่างๆที่ต้องใช้เวลานานๆหลายชั่วโมงบนเครื่องบิน บินข้ามทวีปเปลี่ยนเวลาตรงข้ามกับที่เคยอยู่ประจำ เช่น กลางวันเป็นกลางคืน ต้องบินผ่าน Time Zones (โซนเวลา) มากน้อยแตกต่างกัน ผู้ที่มีอาการ Jet Lag มักเกิดจากการบินผ่านโซนเวลามากกว่า 3 โซนขึ้นไป นอกจากนี้ทิศทางของการเดินทางก็มีส่วนสำคัญ (บางท่านบินจากตะวันออกไปตะวันตก หรือตะวันตกไปตะวันออก บางท่านบินจากเหนือลงใต้หรือจากใต้ขึ้นเหนือ) ที่ทำให้เกิดอาการ Jet Lag มากน้อยแตกต่างกัน กลุ่มอาการ Jet Lag ประกอบไปด้วย อาการต่างๆ ดังนี้ คลื่นเหียน วิงเวียน ปวดศรีษะ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง นอนไม่หลับ …

JET LAG (เจ็ทแล็ก) Read More »

29 1

FITNESS กับการออกกำลังกาย

การทดสอบความฟิตของร่างกายสามารถกระทำได้หลายอย่าง ในที่นี้จะกล่าวถึงความฟิตสมบูรณ์ของระบบหัวใจ ปอด และการไหลเวียนของโลหิต (Aerobic fitness หรือ Cardiovascular fitness) ซึ่งหากต้องการความถูกต้องแม่นยำจะต้องกระทำกันในห้องปฏิบัติการทดสอบให้ผู้ที่จะทดสอบวิ่งบนสายพาน (Treadmill) หรือปั่นจักรยานอยู่กับที่ (Stationary bike) มีการวัดปริมาณการใช้ออกซิเจนมีการวัดชีพจรหรือการเต้นของหัวใจแล้วนำไปคำนวณ แต่ในที่นี้ ผมจะนำวิธีทดสอบความฟิตของร่างกายด้วยตนเองของสถาบันคูเปอร์แอโรบิคเซ็นเดอร์ (Cooper aerobic center) ที่ดัลลัส สหรัฐอเมริกา มานำเสนอต่อท่าน เพื่อท่านสามารถทำการทดสอบด้วยตนเอง หลังจากท่านได้พยายามปรับปรุงความกระฉับกระเฉงของท่านแล้วมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว การทดสอบความฟิตที่จะกล่าวถึงต่อไป เป็นการทดสอบที่ค่อนข้างปลอดภัยโดยการเดินระยะทาง 1 ไมล์ หรือ 1,600 เมตร (ต้องใช้ระยะทาง 1 ไมล์ เพราะเป็นข้อมูลของสถาบันคูเปอร์ที่ทำการศึกษาวิจัยโดยใช้ระยะทางเท่านี้) แต่เพื่อความปลอดภัยของท่านในการทดสอบ เขามีคำถาม 7 ข้อ (PAR-Q หรือ Physical activity readiness questionnaire) ให้ท่านตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ดังนี้ : 1.ท่านเคยได้รับการบอกกล่าวจากแพทย์ว่าเป็นโรคหัวใจหรือไม่? 2.ท่านเคยมีอาการปวดหรือเจ็บแน่นหน้าอกหรือหัวใจหรือไม่? 3.ท่านเคยอาการหน้ามืดเป็นลม หรือเวียนศีรษะบ่อย ๆ หรือไม่? 4.ท่านเคยได้รับการบอกกล่าวจากแพทย์ว่าท่านมีความดันโลหิตสูงหรือไม่? 5.แพทย์เคยห้ามท่านออกกำลังกายเพราะมีปัญหาโรคกระดูกและข้อหรือไม่? …

FITNESS กับการออกกำลังกาย Read More »

28 1

ยาแก้แพ้คลอเฟนิรามีน มาลีเอท (CPM)

คลอเฟนิรามีน มาลีเอท (Chlorpheniramine Maleate)คลอเฟนิรามีน มาลีเอทเป็นยาที่จัดว่าสารพัดประโยชน์ในราคาที่ย่อมเยา สามารถใช้บำบัดอาการคันอันเนื่องจากการแพ้ต่าง ๆ บำบัดอาการน้ำมูกใส ๆ ยามีจำหน่ายทั้งยาเม็ดสำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ ยาน้ำสำหรับเด็กรับประทานตามขนาดที่ระบุ โดยส่วนมากมักจะเป็นครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2-3 ครั้ง หรือทุก 4-6 ชั่วโมง ยานี้กินช่วงเวลาใดก็ได้ ไม่ระคายกระเพาะ ข้อควรรู้ ยานี้มีผลทำให้ง่วงได้ จะต้องเพิ่มความระมัดระวังหากต้องขับรถ หรือทำงานเกี่ยวอับเครื่องจักร เครื่องยนต์ ผู้ป่วยต้อหินไม่ควรใช้ นอกจากนี้หากน้ำมูกข้น หรือมีสีเหลือง เขียว ไม่ควรใช้ยานี้ ที่มา : แผ่นพับคณะอนุกรรมการด้านประชาสัมพันธ์และข่าวสาร สภาเภสัชกรรม ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)ผู้ประพันธ์

27 1

ความผิดปกติของถุงน้ำดี

ถุง น้ำดี (gall bladder) ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย โดยอยู่ใต้ตับบริเวณชายโครงด้านขวา ถุงน้ำดีมีรูปร่างคล้ายลูกแพร ยาวประมาณ 9 เซนติเมตร ถุงน้ำดีจะเป็นที่เก็บน้ำดีซึ่งสร้างจากตับ และจะมีท่อน้ำดีไปเปิดสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น โดยน้ำดีมีหน้าที่ย่อยอาหารประเภทไขมันความผิดปกติของถุงน้ำดีที่พบบ่อย คือ นิ่วในถุงน้ำดี และถุงน้ำดีอักเสบ นิ่วในถุงน้ำดี 1. มักพบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ส่วน ใหญ่เป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วน และอยู่ในวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยที่มีนิ่วในถุงน้ำดีอาจไม่มีอาการใดๆ เลย หรือบางรายอาจมีอาการแน่นอึดอัด เหมือนอาหารไม่ย่อยภายหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะถ้าเป็นอาหารที่มีไขมันสูง จะยิ่งมีอาการมากขึ้น2. นิ่วในถุงน้ำดี เป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อย มักจะทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดท้องอย่างรุนแรง อาหารไม่ย่อย แน่น อึดอัด จุก เสียด อาจ มีอาการอักเสบของถุงน้ำดีอย่างเฉียบพลัน หรือเป็นสาเหตุในตับอ่อนอักเสบ ซึ่งถ้ามีอาการต่างๆ ดังกล่าวแล้ว พบว่าการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกจะได้ผลดีที่สุด และผู้ป่วยมักจะหายขาดจากอาการดังกล่าว3. ตั้งแต่ พ.ศ. 2532 ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการผ่าตัดถุงน้ำดี จากการผ่าตัดทางหน้าท้องทั่วๆ ไปมาเป็นการเจาะผนังหน้าท้อง โดยใช้กล้องวิดิทัศน์ และเครื่องมือสอดผ่านเข้าไปตัดเอาถุงน้ำดีออก ผลดีจากการใช้เทคนิคใหม่นี้คือ …

ความผิดปกติของถุงน้ำดี Read More »

Scroll to Top