article_writer

67 1

เสียงประหลาดยามราตรี

วันนี้ฝนตกหนักตั้งแต่เช้า สภาพห้องตอนเก้าโมงจึงมืดอย่างกับสองทุ่ม โชคดีที่ขนของลงจากท้ายรถเสร็จตั้งแต่ยังไม่เคารพธงชาติ คิดในแง่ดีอากาศเย็นๆถือเป็นฤกษ์ดีในการย้ายมาอยู่คอนโดวันแรก จะได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ว่าแล้วก็ออกไปหาอะไรกินดีกว่า          หลังบิดกุญแจสองรอบเพื่อล็อคห้อง ห้องข้างๆก็เปิดประตูออกมาให้ได้โอกาสทักทายพอดี เพื่อนบ้าน(หรือเพื่อนคอนโด)เป็นชายวัยประมาณสามสิบกว่าๆ รูปร่างท้วมไม่ถึงกับอ้วน ดูแข็งแรงยกเว้นใบหน้าที่ดูอิดโรยไม่สดชื่น           “สวัสดีครับพี่ ผมย้ายมาอยู่ใหม่วันนี้ ชื่อน้อยครับ” ผมกล่าวทัก           “สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก พี่ชื่อออฟ มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” พี่ออฟทักตอบด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรปนง่วงนอน เพื่อนบ้านดูอัธยาศัยดีประกอบกับคอนโดราคาค่อนข้างสูงแห่งนี้มีชื่อเสียงที่ดีมากด้านความปลอดภัย แม้ไฟตามทางเดินจะน้อยจนทำให้ดูมืดไปหน่อย แต่ผมก็คงอยู่คนเดียวได้อย่างสบายใจแน่นอน จนกระทั่งตอนกลางคืน ผมจึงได้รู้ว่า ผมคิดผิดซะแล้ว           คืนที่หนึ่ง ผมเข้านอนตอนเที่ยงคืนเวลาเดิม ซึ่งห้องรอบๆเสียงเงียบไปราวสองชั่วโมงแล้ว แม้คอนโดนี้จะตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพ แต่ก็เข้ามาในซอยประมาณสามร้อยเมตร รอบๆก็มีบ้านเรือนตั้งอยู่ห่างกันไม่แออัด ทำให้เงียบราวอยู่ต่างจังหวัดที่ห่างไกล           เสียงอะไรสักอย่างปลุกผมให้ตื่นจากความฝัน หันไปดูนาฬิกาบอกเวลาว่าตีสองครึ่ง เพิ่งจะหลับไปได้ไม่นานเอง ผมงัวเงียไปเข้าห้องน้ำจึงได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง           เสียงเหมือนสัตว์ตัวใหญ่กำลังคำราม ดังอยู่ครั้งเดียวแล้วเงียบไป ใจผมเริ่มเต้นแรง มีคนบอกไว้ว่าย้ายที่อยู่ต้องไหว้เจ้าที่เจ้าทางก่อน เมื่อวานดันฝนตกจนลืมไปเลย หวังว่าเจ้าที่เจ้าทางท่านคงเข้าใจ           ผมกลับเข้าห้องนอนมาเปิดไฟแล้วตั้งใจฟังอยู่สักพัก ก็ไม่ได้ยินอีก จึงสวดมนต์แล้วปิดไฟนอน           รุ่งขึ้นผมตื่นแต่เช้ารีบไปไหว้ศาลพระภูมิก่อนโบกวินหน้าคอนโดไปทำงาน ก่อนก้าวขึ้นรถมอเตอร์ไซค์หันไปเห็นพี่ออฟข้างห้อง …

เสียงประหลาดยามราตรี Read More »

66 1

เสียงเปลี่ยนไป เมื่อวัยเปลี่ยนแปลง

อย่าให้เสียงคุณเปลี่ยนไป เมื่อวัยเปลี่ยนแปลง           ทราบหรือไม่…คนเราเมื่อมีอายุมากขึ้น เสียงพูดเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น เสียงเบาลง แหบ พลังเสียงลดลง พูดได้ไม่นานเท่าเดิม ร้องเพลงแล้วเหนื่อยเร็วขึ้น เสียงสั่น ๆ ทำให้เราเสียบุคลิกและขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันไป สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะมีตัวแปรสำคัญที่ทำให้เสียงเราเปลี่ยนไป แต่เหตุปัจจัยดังกล่าวมีที่มาและเกิดจากอะไรนั้น วันนี้โรงพยาบาลกรุงเทพมีคำตอบมาฝาก แพทย์หญิงจิราวดี จัตุทะศรี แพทย์ด้านหู คอ จมูก ศูนย์หูคอจมูกกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า เสียงพูดเปลี่ยนไปจากเดิมนั้นเกิดจากเยื่อบุสายเสียงหนาตัวขึ้น หรืออาจมีแผลเป็น หรือเนื้องอกที่สายเสียง กล้ามเนื้อกล่องเสียงอ่อนแอลงตามวัยที่มากขึ้น ปอดไม่แข็งแรงและไม่สามารถเก็บอากาศได้มากเท่าแต่ก่อน แต่ทว่าสาเหตุที่ทำให้เสียงของเราเปลี่ยนไป นอกจากวัยที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังสามารถมีได้อีกหลายอย่าง เช่น การติดเชื้อหวัด ไวรัส แบคทีเรียที่กล่องเสียง การอักเสบบวมช้ำของสายเสียง ซึ่งอาจเกิดจากการใช้เสียงมาก ๆ ตะเบ็งตะโกนพูดหรือร้องเพลงผิดวิธี เค้นเสียง การสูดสารพิษต่าง ๆ เข้าไประคายเคืองกล่องเสียง อุบัติเหตุกระทบกระเทือนกล่องเสียง เช่น การใส่ท่อช่วยหายใจขณะดมยาสลบ เนื้องอกที่สายเสียงและกล่องเสียง มะเร็งที่กล่องเสียง โรคของกล้ามเนื้อและระบบประสาทบางอย่าง เช่น พาร์กินสัน เป็นต้น ภาวะของกรดไหลย้อน จะมีกรดจากกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาที่คอ …

เสียงเปลี่ยนไป เมื่อวัยเปลี่ยนแปลง Read More »

64 1

เวียนศีรษะเสียการทรงตัว

การบริหารสำหรับผู้ป่วย           อาการเวียนศีรษะเป็นอาการที่พบได้บ่อยอาการหนึ่งของผู้ป่วยที่มาพบแพทย์โรคที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะนี้สาเหตุส่วนใหญ่มาจากโรคของอวัยวะการทรงตัวในหูชั้นในความผิดปกติของเส้นประสาทการทรงตัวหรือสมอง เป็นต้นในการบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ควรรักษาตามสาเหตุที่เกิดขึ้น           ผู้ป่วยที่มีการสูญเสียการทำงานของอวัยวะการทรงตัวเส้นประสาทการทรงตัว หรือสมองที่เกี่ยวข้อง ทราบได้จากการตรวจร่างกายและจากการทดสอบการทรงตัวที่เรียกว่า Electronystagmography ซึ่งพบว่ามีการทำงานของระบบการทรงตัวบกพร่องไป คือทำงานน้อยกว่าปกติหรือในบางรายอาจไม่ทำงาน ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีปัญหา คือมีอาการวิงเวียนอยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะเวลาที่มีการเคลื่อนไหวศีรษะหรือใช้สายตา ถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการเวียนแบบหมุนแล้วก็ตามบางรายยังคงเสียการทรงตัว หรือมีอาการโคลงเคลง           การบำบัดรักษาที่สำคัญ คือ การฝึกกายบริหารทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวเพื่อช่วยบำบัดรักษาอาการเวียนศีรษะที่มีอยู่หรือช่วยให้การทรงตัวดีขึ้นตามลำดับ           สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือจะต้องเลือกสถานที่ฝึกกายบริหารให้เป็นที่กว้างพอ และปลอดภัยไม่ควรมีของเกะกะซึ่งอาจจะทำให้สะดุดล้มได้ง่าย ควรมีบุคคลอื่นอยู่ใกล้ ๆคอยช่วยเหลือโดยเฉพาะเมื่อเริ่มฝึกทำใหม่ ๆ วิธีฝึกกายบริหาร ให้ฝึกกายบริหารตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่แนะนำโดยในระยะแรกให้เริ่มฝึกเพียง 2-3 ครั้งต่อวันแล้วต่อไปจึงค่อยฝึกทำเพิ่มขึ้นตามลำดับ ในช่วงแรกของการฝึกกายบริหารอาจรู้สึกว่ามีอาการเวียนศีรษะเกิดขึ้นบ้าง ไม่ควรวิตกกังวล และควรอดทนเพราะอาการดังกล่าวจะดีขึ้นเรื่อย ๆขณะเดียวกันการเสียการทรงตัวก็จะลดลงตามลำดับ ขั้นตอนที่ 1 การบริหารศีรษะ ท่าที่ 1 หันศีรษะจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง สลับไปมา เริ่มต้นทำช้า ๆ แล้วค่อย ๆ เร็วขึ้นตามลำดับ (ทำติดต่อกันอย่างน้อย 5-10 ครั้ง) ท่าที่ 2 ก้มศีรษะไปด้านหน้าแล้วค่อย …

เวียนศีรษะเสียการทรงตัว Read More »

63

เวชศาสตร์ฟื้นฟู /กายภาพบำบัด

เมื่อมีการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย หรือการเล่นกีฬาเกิดขึ้น ในระหว่างที่ให้การรักษาอยู่ และภายหลังการรักษาจากแพทย์ผ่านพ้นไปแล้ว ผู้ที่เชี่ยวชาญ ที่จะให้การฟื้นฟูอวัยวะส่วนที่ได้รับบาดเจ็บ ให้กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นแพทย์เราเรียกว่า แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ถ้าไม่ใช่แพทย์ มีหลายสาขา เช่น นักกายภาพบำบัด และนักอาชีวบำบัด เป็นต้น การให้การรักษาเพื่อฟื้นฟูอวัยวะส่วนที่บาดเจ็บนี้ อาศัยหลักการดังนี้ คือ การใช้ความร้อน จะทำให้เกิดการขยายตัวของเส้นเลือด มีการคลายตัวของกล้ามเนื้อ เลือดที่ออกมาติดกับเนื้อเยื่อจะเริ่มสลายตัว ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ช่วยลดการอักเสบ การใช้ความร้อนมี 2 ชนิด คือ 1.1 ความร้อนแบบชื้น ได้แก่ ความร้อนที่ได้จาก ถุงเยลลี่ร้อน ระบบน้ำวน และขี้ผึ้งพาราฟิน เป็นต้น ความร้อนแบบแห้ง ได้แก่ ความร้อนที่ได้จากการแผ่รังสีความร้อน อันเกิดจากเครื่องมือทางฟิสิกส์ ที่เราได้ยินชื่อกันบ่อยๆ เช่น เครื่องนวดระบบความถี่เหนือเสียง อัลตราซาวด์ เป็นต้น การเคลื่อนไหวข้อต่อที่บาดเจ็บ โดยการเริ่มต้นให้กล้ามเนื้อหดตัว และคลายตัว โดยไม่มีการเคลื่อนไหวของข้อต่อก่อน จนกระทั่งถึงการทำให้มีการเคลื่อนไหวของข้อต่อ จนกว่าข้อต่อนั้นๆ จะงอหรือเหยียดได้เต็มที่เหมือนเดิม ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธี คือ คนไข้พยายามงอเหยียดด้วยตนเอง การใช้การดัดจากนักกายภาพบำบัด           การฝึกกล้ามเนื้อให้กลับมาแข็งแรงเท่าเดิม ในระหว่างที่บาดเจ็บ กล้ามเนื้อในส่วนที่ไม่ได้ใช้งานเท่าเดิมจะลีบลง ความแข็งแรงจะลดน้อยลง …

เวชศาสตร์ฟื้นฟู /กายภาพบำบัด Read More »

62 1

เวชศาสตร์การกีฬาคืออะไร?

เวชศาสตร์การกีฬาชื่อนี้อาจจะใหม่สำหรับท่านทั้งหลาย เพราะการใช้คำศัพท์ภาษาไทยในเรื่องนี้อาจจะยังไม่แพร่หลาย และบางครั้งอาจมีชื่อคล้ายๆ กัน เช่น ฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของการกีฬาแห่งประเทศไทย หลายท่านอาจจะสับสน           เวชศาสตร์การกีฬา หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Sports Medicine เป็นสาขาหนึ่งในทางการแพทย์ ที่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ในการนำความรู้ทางการแพทย์มาประยุกต์ใช้ เพื่อทำให้กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเล่นกีฬา ปราศจากซึ่งการบาดเจ็บของร่างกายส่วนต่างๆ ซึ่งถือเป็นการป้องกัน และเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเกิดการบาดเจ็บต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย ก็จะต้องมีการรักษาพยาบาลอย่างรีบด่วน ถูกต้องและเห็นผลการรักษาได้อย่างชัดเจน เพราะผู้ที่บาดเจ็บและต้องการกลับเข้าร่วมกิจกรรมทางการกีฬาให้ได้เหมือนเดิมต้องการผลการรักษาที่ 100 หรือเกือบ 100% ผู้ที่บาดเจ็บจึงจะสามารถกลับไปเล่นกีฬาได้ดังเดิม           เวชศาสตร์การกีฬาไม่ได้มีข้อกำหนดว่าเกี่ยวข้องเฉพาะนักกีฬาเพื่อการแข่งขันเท่านั้น ทุกๆ ท่านที่เล่นกีฬาเพื่อการออกกำลังกาย หรือออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ก็มีความเกี่ยวข้องกับเวชศาสตร์การกีฬาด้วยกันทั้งสิ้น เพราะมีการครอบคลุมทั้งสรีระวิทยาการออกกำลังกาย ชีวกลศาสตร์ทางการกีฬาโภชนาการทางการกีฬา จิตวิทยาการกีฬา และการบาดเจ็บจากกีฬา หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะเข้าใจความหมายของ เวชศาสตร์การกีฬาได้ดีขึ้นนะคะ ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)ผู้ประพันธ์

61

เลือดกำเดาไหล

ส่วนใหญ่เลือดกำเดาไหลมักเกิดในเด็กมากกว่าในผู้ใหญ่มักเกิดในช่วงหน้าหนาวที่อากาศแห้ง ทำให้เยื่อบุจมูกพลอยแห้งและตกสะเก็ดตามไปด้วย เมื่อสะเก็ดถูกแคะแกะเกา ก็ทำให้เลือดออกตามมาสาเหตุอื่นที่พบได้บ่อยคือในช่วงที่เป็นหวัดหรือการอักเสบของทางเดินหายใจส่วนบนหรือกรณีที่มีไข้สูงจากสาเหตุใดก็ตาม เส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ ในจมูกอาจแตกและทำให้เลือดกำเดาไหลได้เช่นกัน คำแนะนำสำหรับการปฐมพยาบาลคือ บีบที่จมูกโดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ประมาณ 5 นาที โดยระหว่างนี้ให้หายใจทางปากแทน นั่งตัวตรงหรือนอนให้ศีรษะสูง เพื่อป้องกันการสำลักเลือด ประคบบริเวณจมูกและแก้มด้วยผ้าเย็น หรือน้ำแข็ง เพื่อช่วยให้เลือดหยุดเร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการแคะจมูก การสั่งน้ำมูกแรง ๆ และการยกของหนัก กรณีอากาศแห้งในช่วงหน้าหนาว อาจใช้วาสลินครีม หรือขี้ผึ้งทาบริเวณเยื่อบุจมูกเพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น หากมีไข้ควรให้ยาลดไข้ร่วมด้วย สิ่งที่บอกเหตุว่าท่านไม่ควรรีรอที่จะไปพบแพทย์คือ เลือดออกบ่อย ๆ หรือจำนวนมาก เลือดออกข้างเดียวเรื้อรัง มีอาการอื่น ๆ ร่วมเช่น อ่อนเพลีย หน้ามืดจะเป็นลม ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)ผู้ประพันธ์

60 1

เรื่องต้องรู้ใน…เบาหวานและตั้งครรภ์

โรคเบาหวานจากการตั้งครรภ์ คือโรคเบาหวานที่เกิดเฉพาะในคนตั้งครรภ์เท่านั้น เพราะว่าในช่วงตั้งครรภ์ รกจะมีการสร้างฮอร์โมนต่างๆ มากมาย ซึ่งฮอร์โมนส่วนใหญ่มีฤทธิ์ต้านต่ออินซูลิน โดยเฉพาะไตรมาสที่ 2 และ 3 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ทารกเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายของแม่ต้องใช้อินซูลินมากกว่าปกติถึง 2-3 เท่า ดังนั้น แพทย์จึงมักตรวจคัดกรองเบาหวานในช่วงตั้งครรภ์ ตอนอายุครรภ์ประมาณ 24-28 สัปดาห์ ยกเว้นว่ามีความเสี่ยงสูงมากอาจต้องมีการตรวจตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ผลกระทบต่อบุตร           เบาหวานที่เกิดในช่วงตั้งครรภ์มักเกิดในช่วงไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งทารกมีการสร้างอวัยวะเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ทำให้เกิดความพิการต่อทารก ส่วนใหญ่แม่ที่เป็นเบาหวานมักคลอดบุตรที่ปกติ โดยเฉพาะในคนที่คุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด แต่การที่แม่เป็นเบาหวาน และยังมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจทำให้เกิดผลเสียต่อทารก เพราะระดับน้ำตาลที่สูงจะผ่านรกไปยังทารกในครรภ์ ส่งผลให้ร่างกายทารกมีการหลั่งอินซูลินมากกว่าปกติทำให้รูปร่างโตกว่าปกติ เสี่ยงต่อการคลอดยาก การบาดเจ็บขณะคลอด นอกจากนี้ การที่แม่คุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี อาจส่งผลให้ทารกมีอาการน้ำตาลต่ำหลังคลอด ชัก เหลือง มีปัญหาหายใจลำบากหลังคลอดได้ จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถ้าเป็นเบาหวานในช่วงตั้งครรภ์ การรักษาประกอบด้วยการคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติมากที่สุด ประกอบด้วยการคุมอาหาร การออกกำลังกายที่เหมาะสม หรือในบางกรณีถ้าระดับน้ำตาลยังสูงอาจจำเป็นต้องฉีดอินซูลิน และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งซึ่งขาดไม่ได้เลยคือ การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง ซึ่งพยาบาลให้คำปรึกษาโรคเบาหวานจะสอนถึงวิธีการเจาะเลือด การจดบันทึก การปฏิบัติตัวเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ใช้เจาะเลือด และตรวจวัดระดับน้ำตาลต่างๆมากมาย ใช้ง่าย …

เรื่องต้องรู้ใน…เบาหวานและตั้งครรภ์ Read More »

59 1

เรื่อง ปวดหลัง ที่ทุกคนควรทราบ

เรื่อง “ปวดหลัง” ที่ทุกคนควรทราบ สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวว่าผู้ใหญ่ที่เป็นอดีตผู้นำของประเทศไทย มีอาการปวดหลังอย่างรุนแรงขณะที่ท่านปฏิบัติหน้าที่ของท่าน อาการรุนแรงมากถึงขนาดแพทย์ต้องรีบนำท่านไปรักษาที่โรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง ซึ่งแพทย์ได้ให้การตรวจวินิจฉัยว่าเป็นกล้ามเนื้อหลังอักเสบและให้การรักษาแบบผู้ป่วยนอก ซึ่งในเวลาต่อมาทราบว่ามีอาการดีขึ้นมากแล้ว ไม่ได้เป็นมากถึงขนาดต้องรับไว้รักษาแบบผู้ป่วยใน ผมเห็นว่าน่าจะนำปัญหาเรื่องปวดหลังมาทำความเข้าใจในหมู่คนไทย โดยเฉพาะแฟนๆคอลัมน์นี้ ซึ่งน่าจะมีวัยอยู่ในช่วงที่อาจจะพบปัญหาเรื่องปวดหลังได้ง่าย “ปวดหลัง” ไม่ใช่ชื่อโรค           “ปวดหลัง” ไม่ใช่ชื่อโรคนะครับ หลายท่านอาจพบเห็นข้อความหรืออาจจะได้ยินคนพูดกันว่า “โรคปวดหลัง” ผมขอยืนยันกับท่านผู้อ่านทุกท่านว่า คำว่า “ปวดหลัง” ไม่ใช่ชื่อโรค แต่เป็นเพียงอาการหนึ่งที่ผู้คนในโลกนี้จะต้องมีอาการอย่างน้อยก็ 1 ครั้ง ในช่วงที่มีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเกิดอาการนี้กับมนุษย์ที่เป็นสัตว์ 2 เท้า สัตวแพทย์จะไม่พบเจ้าของสัตว์เลี้ยง พาสัตว์เลี้ยงของตนเองมาเพื่อรักษาอาการปวดหลัง สำหรับอาการปวดหลังที่จะกล่าวถึงในสัปดาห์นี้ จะขอพูดถึงเฉพาะอาการปวดหลังบริเวณระดับบั้นเอว จะไม่กล่าวถึงปวดหลังบริเวณสะบักหรือตำแหน่งอื่นๆ บริเวณหลังมีส่วนประกอบหรืออวัยวะอะไรอยู่บ้าง           ถ้าเรามองแผ่นหลังของคนเรา ตรงแนวกลางที่เป็นร่อง จะเป็นแนวของกระดูกสันหลังที่เชื่อมต่อจากฐานกระโหลกศีรษะ ลงไปจนถึงกระดูกเชิงกราน กระดูกสันหลังบริเวณคอมี 7 ปล้อง ระดับหน้าอกมี 12 ปล้อง ระดับบั้นเอวมี 5 ปล้อง ระหว่างปล้องจะมีหมอนรองกระดูกคั่นอยู่ เพื่อไม่ให้กระดูกต่อกระดูกชนกัน ทำหน้าที่คล้ายโช๊คอัพ หมอนรองกระดูกจะมีลักษระคล้ายๆวุ้นหนาๆ …

เรื่อง ปวดหลัง ที่ทุกคนควรทราบ Read More »

58 1

เริม

โรคเริม (herpes)          เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง มีอาการแสบๆ คันๆ บริเวณที่เป็น ร่วมกับตุ่มน้ำใสเป็นกลุ่ม บนพื้นสีแดง พบได้เกือบทุกแห่งของร่างกาย แต่พบได้บ่อยที่บริเวณริมฝีปากและอวัยวะเพศ ผู้ที่เคยเป็นโรคเริมแล้ว จะมีโอกาสเกิดโรคเริมซ้ำได้อีก ที่ตำแหน่งเดิมได้บ่อยพอสมควร เนื่องจากเชื้อไวรัสเริมจะเข้าไปหลบซ่อนตัวที่ในปมประสาท พอร่างกายอ่อนแอลง เชื้อไวรัสเริมก็จะออกมาก่อโรค ทำให้เกิดโรคเริมขึ้นที่เดิมได้อีก ทำให้ผู้ป่วยขาดความมั่นใจ รู้สึกไม่สวยงาม และเสียบุคลิกภาพ สาเหตุ           เชื้อไวรัสเริมเป็นดีเอ็นเอไวรัสชนิดสายคู่ที่มีเปลือกหุ้ม อนุภาคของไวรัสประกอบด้วยส่วนเปลือก ส่วนนอกคลุม ส่วนนิวคลิโอแคปสิด และแกนดีเอ็นเอตรงกลาง ส่วนนิวคลิโอแคปสิดของไวรัสเริมมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 105 นาโนเมตร ประกอบไปด้วย 162 แคปโซเมอร์ โมเลกุลของดีเอ็นเอมีความยาว 150 กิโลเบส สร้างโปรตีนมากกว่า 100 ชนิด โครงสร้างจีโนมของไวรัสเริมคล้ายคลึงกับเชื้อชนิดอื่นๆ ในตระกูลเดียวกัน ทั้งหมดประกอบไปด้วยชิ้นส่วนยาวและสั้นเรียงต่อกันในทิศทางต่างๆ เกิดเป็น 4 ไอโซเมอร์           เชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 1 ทำให้เกิดโรคเริมที่ริมฝีปากและรอบๆ ปากได้บ่อย ส่วนเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 2 ทำให้เกิดโรคเริมที่บริเวณอวัยวะเพศ บริเวณก้น และในร่มผ้าได้บ่อย …

เริม Read More »

57 1

เมื่อหนูไม่ยอมนอน

คนที่มีอาชีพที่ต้องอยู่เวรยาม เช่น แพทย์ พยาบาล ตำรวจ ทหาร หรือยามรักษาการณ์ คงเข้าใจดีถึงการอดหลับ อดนอนว่าเป็นอย่างไรนะครับ อยู่เวรวันนี้ ยังไงพรุ่งนี้ก็ยังได้นอนพัก แต่ใครที่มีมีลูกเล็กๆ ที่มีปัญหาการนอนจะแย่กว่ามากเพราะมันเป็นประสบการณ์อยู่เวร อยู่ยามทุกคืน โดยไม่มีวันได้หยุดพักเลยครับ เมื่อลูกตื่น พ่อแม่ก็ต้องตื่น (พ่อบางคนอาจไม่ตื่น แต่คนเป็นแม่ตื่นแน่) อดนอนหลายคืนแล้ว ทุกเช้าก็ต้องไปทำงานตามปกติ เล่นเอาคุณพ่อคุณแม่หลายคนถึงกับโทรม เดินไปทำงานแบบเบลอๆ เลยครับ ปัญหาการนอนของลูกอาจเริ่มตั้งแต่รับลูกมาจากโรงพยาบาลจนบางทีไปถึงวัย อนุบาลก็ได้ครับ เราลองมาทำความเข้าใจเรื่องการนอนของเด็กกันดีกว่านะครับ การนอนกับพัฒนาการ           การนอนก็เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการเด็กครับ จากการศึกษาวิจัย เด็ก ทารกจะใช้เวลากับการนอนมากถึง 16 ชั่วโมงต่อวัน โดยมักตื่นร้องทุก 3-4 ชั่วโมง ซึ่งสัมพันธ์กับความหิว เนื่องจากเด็กทารกต้องกินนมทุก 3-4 ชั่วโมงนั่นเอง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เด็กทารกจะตื่นกลางคืนทุก 3-4 ชั่วโมง ในช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่คงต้องทนเหนี่อยไปก่อนครับ แต่เมื่อเด็กโตขึ้นก็จะหลับกลางคืนได้นานขึ้น โดยพบว่าร้อยละ70 ของเด็กอายุ 3 เดือนจะเริ่มหลับยาวได้เกือบตลอดคืน และที่อายุ4 เดือนเด็กหลายคนจะหลับต่อเนื่องได้ถึง 8 ชั่วโมง ดังนั้นพอลูกอายุ 3-4 …

เมื่อหนูไม่ยอมนอน Read More »

56 1

เมื่อลูกน้อยไม่ยอมกินข้าว

ลูกไม่ค่อยยอมกินข้าว อมข้าว บ้วนข้าว กินไปเล่นไป ต้องไล่ป้อนข้าวนานเป็นชั่วโมง บางคนน้ำหนักไม่ขึ้นเลย เหล่านี้เป็นตัวอย่างปัญหาการกินในเด็กซึ่งพบได้บ่อยและทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงอึดอัดใจครับ คุณแม่บางท่านบ่นอย่างน้อยใจว่า “ดูซิ เราอุตสาห์คิดเมนูอาหารแทบแย่ ไปจ่ายกับข้าวแล้วตั้งใจมาทำอาหารให้เขากิน พอเอามาให้กิน เขากลับบ้วนทิ้ง” เรื่องนี้อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่สำหรับหัวอกของคนเป็นแม่ ด้วยความรัก ความสงสาร และเป็นห่วงบางคนถึงกับร้องไห้ หรือโกรธไม่พอใจ เวลาที่ลูกน้อยไม่ยอมกินข้าว ฟังแล้วก็ น่าเห็นใจ ทั้งคุณแม่และคุณลูกครับ และเนื่องจากช่วง2ขวบปีแรกเป็นช่วงที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการเจริญโตของสมอง ภาวะโภชนาการของเด็กวัยแรกเกิดถึง2ปี จึงมีความสำคัญมาก สัญญาณของการเริ่มมีปัญหาการกิน คุณพ่อคุณแม่จะสังเกตสัญญาณความผิดปกติของการกินได้ครับ ตัวอย่างเช่น ลูกเริ่มอมข้าว ป้วนคายอาหารทิ้ง หงุดหงิดร้องไห้งอแงเมื่อถึงเวลากินอาหาร เวลาให้กิน ลูกก็เล่นอาหารจนหกเลอะเทอะ แต่ก็ไม่ยอมกินอยู่ดี ใช้เวลาในการกินอาหารนานผิดปกติ เช่นบางคนต้องป้อนอาหารเป็นชั่วโมง           การกินของเด็กขึ้นกับอะไรบ้าง ปัจจัยสำคัญของปัญหาการกินของเด็กก็คือเรื่องของพัฒนาการเด็กและพื้นฐานอารมณ์ครับ พัฒนาการสะท้อนถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กและ – สิ่งแวดล้อม ส่วนพื้นฐานอารมณ์หรือพื้นอารมณ์ ก็หมายถึงลักษณะหรือการแสดงออกของพฤติกรรม จากการศึกษาพบว่าเด็กแรกเกิดแต่ละคนมีพื้นฐานอารมณ์ติดตัวมาแล้ว และแตกต่างกันในเด็กแต่ละคน พื้นฐานอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับการกินของเด็กได้แก่ ช่วงจังหวะในการกินและการนอนของเด็ก เด็กที่เลี้ยงง่าย มักกินนอนและหิวเป็นเวลา ก็จะทำให้ คุณพ่อคุณแม่สะดวกในการดูแลเรื่องอาหารการกินครับ ลักษณะการตอบสนองต่อสิ่งใหม่ที่เข้ามา เช่นอาหารใหม่ …

เมื่อลูกน้อยไม่ยอมกินข้าว Read More »

55 1

เมื่อมีอาการบวม

การบวมส่วนใหญ่จะเป็นการบวมเฉพาะที่ เช่น ถูกแมลงกัดต่อย หรือฟกช้ำหลังเล่นกีฬา การบวมแบบนี้ไม่ค่อยมีปัญหา การรักษาเฉพาะที่จะทำให้อาการบวมนั้นดีขึ้นในเวลาไม่นาน แต่มีการบวมที่สำคัญกว่านั้น คือ การบวมทั้งตัว ระยะแรกอาจจะมีการบวมที่หนังตาหรือใบหน้า อาจจะรู้สึกว่าแหวนหรือรองเท้าคับขึ้น ต่อมาการบวมจะบวมไปที่ขา และเท้าทั้ง 2 ข้าง ซึ่งถ้าบวมไม่มากจะไม่ค่อยรู้สึกสังเกตไม่เห็น ลองใช้นิ้วกดที่หน้าแข้งไว้สักพักถ้าเอานิ้วออกแล้วยังมีรอยบุ๋มคงอยู่ แสดงว่ามีการบวม           อาการบวมที่เกิดนี้เกิดจากมีน้ำ และเกลือเพิ่มขึ้นในร่างกายมากเกินไป โรคที่สำคัญที่ทำให้เกิดการบวมชนิดนี้คือ โรคไต โรคหัวใจ โรคตับ ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้าหากมีการบวมทั้งตัวแบบนี้ต้องรีบปรึกษาแพทย์ให้ตรวจเลือด และปัสสาวะ อย่าไปซื้อยามารับประทานเองยาอาจจะทำให้การบวมหายไปแต่ไม่ใช่เป็นการรักษาโรคโดยตรงเพราะเป็นการรักษาเฉพาะอาการบวม           ยาที่ลดการบวมส่วนใหญ่ คือ ยาขับปัสสาวะเป็นยาที่ทำให้เราปัสสาวะมากขึ้นเป็นการลดน้ำ และเกลือแร่ออกไป แต่ไม่ได้ลดต้นเหตุของโรคที่เกิดที่ไต หัวใจ และตับ และผลเสียจากยาขับปัสสาวะนั้นจะไปบดบังอาการของโรคไต โรคหัวใจ โรคตับ ทำให้การรักษาไม่ถูกต้อง และล่าช้าออกไป ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)ผู้ประพันธ์ นพ. วรวุฒิ เจริญศิริศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพที่ปรึกษา

54 1

เมื่อฟันแท้หลุดออกมานอกปาก

อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นต่อฟันเป็นสิ่งที่พบได้เสมอในเด็กก่อนวัยเรียน และเด็กในวัยเรียน อุบัติเหตุต่อฟันซึ่งจัดว่ามีความรุนแรงมาก และเป็นสาเหตุสำคัญอันหนึ่งในการสูญเสียฟันแท้ของเด็ก คือ อุบัติเหตุที่ทำให้ฟันแท้หลุดออกมานอกปาก หากได้รับการดูแลเบื้องต้นที่ถูกต้อง และมาพบทันตแพทย์ทันท่วงที จะสามารถเก็บรักษาฟันแท้นั้นไว้ได้ ควรทำอย่างไร หากฟันแท้หลุดออกมานอกปาก หาฟันให้พบโดยเร็วที่สุด โดยจับที่ตัวฟัน ห้ามจับที่รากฟัน ใส่ฟันกลับเข้าที่ ถ้าสามารถทำได้ ถ้าฟันสกปรกมาก ล้างฟันโดยจับที่ตัวฟัน และถือให้น้ำไหลผ่านเท่านั้น ห้ามขัดถูรากฟัน แล้วจึงใส่ฟันกลับเข้าที่ ถ้าใส่ฟันกลับเข้าที่ไม่ได้ อย่าปล่อยให้ฟันแห้งให้แช่ฟันในนมจืดดีที่สุดหรือในน้ำเกลือล้างแผล ถ้าหานมจืด และน้ำเกลือไม่ได้ ให้เอาผ้าห่อฟัน และอมไว้ในปาก ให้เปียกน้ำลายอยู่เสมอหรือถ้าหาสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาไม่ได้ให้แช่ฟันในน้ำเปล่า มาพบทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะเวลาที่เร็วที่สุดในการนำฟันกลับเข้าที่ และการแช่ฟันให้ถูกต้องก่อนมาถึงมือทันตแพทย์ คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้สามารถเก็บรักษาฟันแท้ไว้ได้ อุบัติเหตุต่อฟันป้องกันได้หากรู้วิธี คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่นั่งรถ ถ้าเด็กเล็กมากควรให้นั่งในที่นั่งเฉพาะสำหรับเด็ก (car seat) ควรใส่หมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขี่จักรยาน เล่นเสก็ต ฯลฯ ควรกระโดดน้ำในสระเฉพาะที่จัดไว้ ควรให้ทันตแพทย์ทำยางกัดฟัน (mouth guard) และใส่เมื่อเล่นกีฬาที่มีการกระทบกระแทก เช่น รักบี้ บาสเก็ตบอล ฯลฯ มีเบอร์โทรศัพท์ของทันตแพทย์ประจำตัว เพื่อขอคำปรึกษาทันที           ไม่ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นจะดูเล็กน้อยเพียงไรควรพบทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด …

เมื่อฟันแท้หลุดออกมานอกปาก Read More »

53

เมื่อท่านถูกเข้าเฝือก

เพื่อให้ท่านมีความรู้ที่ถูกต้อง และเพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการแทรกซ้อนจากการเข้าเฝือก ขอแนะนำข้อควรทราบและปฏิบัติดังต่อไปนี้ เฝือกที่ใช้ในปัจจุบันที่นิยมมี 2 ชนิด คือเฝือกปูน และเฝือกไฟเบอร์กลาส แพทย์ส่วนใหญ่ยังนิยมใช้เฝือกปูน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีได้รับอุบัติเหตุใหม่ๆ มีเลือดออกทำให้บวมมาก อาจต้องนัดคนไข้มาเปลี่ยนเฝือกภายใน 1-2 สัปดาห์ จะทำให้ประหยัดกว่าการใช้ไฟเบอร์กลาส ซึ่งมีราคาแพงกว่าและแพทย์ส่วนใหญ่ จะใช้ไฟเบอร์กลาสกรณีที่บวมไม่มากและในกรณีที่จะใส่นานๆ ไฟเบอร์กลาสมีข้อดีที่โดนน้ำจะไม่ยุ่ยง่ายเหมือนเฝือกปูน การใส่เฝือกมีจุดประสงค์เพื่อให้ร่างกายส่วนนั้นๆ โดยเฉพาะกระดูกที่หักอยู่นิ่งๆ ดังนั้นระหว่างที่ใส่เฝือกอยู่ถ้าหากเฝือกหลวมเพราะร่างกายส่วนที่เข้าเฝือก ยุบบวมลง จะมีผลทำให้กระดูกที่หักเคลื่อนที่ได้ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเฝือกเป็นระยะๆ จนกว่ากระดูกจะติดกันดี โดยทั่วไปเฝือกที่ใส่ครั้งแรกจะต้องเปลี่ยนภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังใส่เฝือกควรยกส่วนปลายเฝือก ให้สูงขึ้นกว่าส่วนอื่นๆ เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดกลับสู่หัวใจดีขึ้น ปลายมือปลายเท้าจะได้ไม่บวมมาก ภายหลังใส่เฝือก ถ้าปลายมือปลายเท้าบวมมากจนปวดมากผิดปกติ, ชาตลอดเวลา, ขยับปลายนิ้วมือนิ้วเท้าไม่ได้, หรือบางทีปลายนิ้วเขียวคล้ำหรือซีดเพราะการไหลเวียนของเลือดไม่ดี ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาแก้ไขทันที หลังใส่เฝือก ถ้าเฝือกหักหรือยุ่ยเพราะโดนน้ำจะต้องรีบมาหาแพทย์ แม้ว่าจะยังไม่ถึงกำหนดนัดก็ตามเนื่องจากอากาศร้อนและชื้น การใส่เฝือกจะทำให้มีอาการคัน เหม็นกลิ่นเหงื่อที่ออกมาอยู่ในเฝือก ไม่ ควรเอาไม้หรือโลหะสอดเข้าไปภายในเฝือกเพื่อจะลดอาการคัน บางครั้งจะทำให้เกิดแผลบริเวณผิวหนังภายในได้ ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)ผู้ประพันธ์

52 1

เบาหวานทำให้ตาบอด

จอประสาทตา หรือจอรับภาพซึ่งเป็นอวัยวะอยู่ภายในดวงตา ทำหน้าที่รับภาพที่เห็นส่งผ่านไปประสาทตาแล้วไปสมอง ภาวะที่ส่งผลให้จอประสาทตาทำงานผิดปกติจะส่งผลต่อการมองเห็นด้วย ซึ่งโรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถใช้หรือเก็บสะสมน้ำตาลได้ตามปกติ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เป็นผลให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเส้นเลือดของอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงจอประสาทตา นอกจากนี้ยังพบว่าคนที่เป็นเบาหวานมักเป็นต้อกระจกเร็วกว่าคนปกติ คนที่เป็นเบาหวานมีโอกาสตาบอดได้ถึง 25 เท่า เทียบกับคนที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน โดยสาเหตุที่พบบ่อยในคนไข้เบาหวานซึ่งทำให้ตามัว จนถึงสูญเสียการมองเห็น เกิดจากเส้นเลือดที่จอตาเกิดเปลี่ยนแปลงเปราะบางมีเลือดหรือน้ำซึมออกมา มีเส้นเลือดงอกแตกแขนงผิดปกติ โอกาสที่จะเป็นแบบนี้ได้มีถึง 60% เมื่อป่วยเป็นเบาหวานมานานกว่า 15 ปี สาเหตุ           เมื่อผู้ป่วยเป็นเบาหวานเป็นระยะเวลานาน เส้นเลือดฝอยทั่วร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไป โดยที่ผนังหลอดเลือดในจอประสาทตาจะมีความผิดปกติ คือมีเม็ดเลือด, น้ำเหลือง, และ ไขมัน ซึมออกมาในจอประสาทตา ทำให้จอประสาทตาบวมและขาดออกซิเจน การขาดออกซิเจนของจอประสาทตาเป็นเวลานานนำมาซึงการงอกใหม่ของเส้นเลือด เส้นเลือดที่งอกใหม่มีความเปราะแตกง่าย เกิดเลือดออกได้ง่าย ส่งผลให้น้ำวุ้นตาขุ่นมัว จอประสาทตาลอก และทำให้สูญเสียการมองเห็นในที่สุด เราเรียกโรคแทรกซ้อนที่เกิดที่จอประสาทตาในตาของผู้ป่วยเบาหวานว่า “เบาหวานขึ้นตา” เบาหวานขึ้นตามีมากแค่ไหน           ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และประเทศในยุโรป เบาหวานขึ้นตาเป็นสาเหตุทำให้คนช่วงอายุ 40-60 ปี ตาบอดเป็นอันดับที่ 2 แต่ปัจจุบันวิวัฒนาการการรักษาจอประสาทตาด้วยเลเซอร์แพร่หลายขึ้น จึงทำให้สถิติตาบอดจากโรคนี้ลดลงเป็นอันดับที่ 4 …

เบาหวานทำให้ตาบอด Read More »

Scroll to Top