โรตาไวรัสคืออะไร

โรตาไวรัส เป็นไวรัสที่พบได้บ่อยในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ไวรัสชนิดนี้สามติดต่อและแพร่กระจายได้สูงมาก ส่วนมากไวรัสชนิดนี้จะก่อโรคได้บ่อยในเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถติดโรคนี้ได้เช่นกันซึ่งจะมีอาการแสดงของโรคที่รุนแรงน้อยกว่า

ศูนย์ควบคุม และป้องกันโรค (Centers for Disease Control and Prevention) รายงานข้อมูลการติดเชื้อโรตาไวรัส ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งมีสถิติการเจ็บป่วยรายปี ดังต่อไปนี้

  • จำนวนผู้ป่วย OPD กุมารแพทย์ 400,000 ราย
  • จำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาล ประมาณ 55,000 ถึง 70,000 ราย
  • จำนวนผู้ป่วยห้องฉุกเฉิน 200,000 ราย
  • จำนวนผู้เสียชีวิต 20 ถึง 60 ราย
  • ปัจจุบันโรตาไวรัสไม่มียารักษาเฉพาะ ซึ่งส่วนมากโรคจะหายได้เองในเวลาภายใน 7-10 วัน แต่อย่างไรก็ตามการให้สารน้ำ
  • ทดแทนเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงที่อาจถึงชีวิตได้
  •  

อาการของการติดเชื้อโรตาไวรัส

โรตาไวรัสในเด็ก

          อาการของโรตาไวรัสจะพบได้บ่อยในผู้ป่วยเด็ก สามารถแสดงอาการได้ภายในสองวันหลังจากการสัมผัสกับเชื้อโรตาไวรัส อาการที่พบได้บ่อยที่สุดของโรคโรตาไวรัสคือมีอุจจาระร่วงอย่างรุนแรง และอาการแสดงอื่นๆที่อาจพบร่วมได้แก่

  • อาเจียน
  • อุจจาระมีมูกเลือดปน
  • อ่อนเพลีย
  • ไข้สูง
  • กระสับกระส่าย
  • ภาวะขาดน้ำ
  • ปวดท้อง

ภาวะขาดน้ำ 

          เป็นอาการที่ต้องระวังมากในเด็ก ซึ่งเด็กอายุกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเกลือแร่จากการอาเจียนและถ่ายเหลวเนื่องจากมีน้ำหนักตัวน้อย คุณจำเป็นต้องตรวจสอบบุตรหลานของคุณอย่างรอบคอบสำหรับอาการของภาวะขาดน้ำ ยกตัวอย่างเช่น

  • ปากแห้ง
  • ผิวเย็น
  • ขาดน้ำตาเมื่อร้องไห้
  • ปัสสาวะน้อยลง
  • ตาลึกโบ๋
  •  

โรตาไวรัสในผู้ใหญ่

          การติดเชื้อไวรัสโรตา ในผู้ใหญ่มักมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ ปวดท้องบิด ท้องร่วง และมีไข้ ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการแสดงเลย

          ในผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจมีการการแสดงโรคได้หลายแบบ ตั้งแต่ไม่มีอาการเลย จนถึงมีการการรุนแรงมาก

          ลักษณะทางระบาดวิทยาที่พบบ่อยในผู้ใหญ่ มักจะพบผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ในถิ่นที่มีการระบาดของโรคอยู่แล้ว หรือเกิดมีการระบาดของโรคในชุมชน หรือการติดเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของนักท่องเที่ยว หรือเกิดจากการแพร่กระจายของเชื้อจากเด็กสู่ผู้ใหญ่

การกำเนิดของโรคไวรัสโรตา

          เริ่มแรกเมื่อเด็กได้รับการติดเชื้อมักจะมีอาการเริ่มจากมีไข้และอาเจียน และอาจมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำตามมาในวันที่สาม ถึงวันที่เจ็ดของการเกิดโรค การติดเชื้อโรตาอาจจะอยู่ในอุจจาระได้นานถึง 10 วัน หลังจากที่ไม่มีอาการแสดงของโรคแล้ว

คุณอาจต้องไปพบแพทย์หากอาการของคุณไม่ดีขึ้นภายในหนึ่งวันหรือถ้าอาการแย่ลง ซึ่งการตรวจวินิจฉัยเชื้อโรตาไวรัส ต้องทำการตรวจจากอุจจาระในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์

การแพร่กระจายของไวรัสโรตา

          ไวรัสโรตามีการแพร่กระจายระหว่างการสัมผัสมือและปาก ถ้าคุณสัมผัสบุคคลหรือวัตถุที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสแล้วเอามือนั้นมาสัมผัสปากของคุณ คุณอาจจะได้รับการติดเชื้อได้ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วเกิดจากการไม่ได้ล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำ หรือหลังจากเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก

          เด็กทารกและเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปี มีความเสี่ยงสูงสำหรับการติดเชื้อโรโตวารัส การอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กก็เพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน และพบว่ามีอัตราการเกิดโรคสูงในช่วงฤถูหนาว

          เชื้อไวรัสสามารถอยู่บนพื้นผิวได้เป็นระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ หลังจากที่สัมผัสกับผู้ป่วย และนี่คือเหตุผลสำคัญที่เราต้องทำความสะอาดพื้นผิวในบ้านเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสมาชิกในครอบครัวของคุณป่วยด้วยเชื้อโรตาไวรัส

การรักษาโรคโรตาไวรัส

          ปัจจุบันไม่มียารักษาที่จำเพาะต่อโรคโรตาไวรัส ดังนั้นการรักษาจะเป็นแบบประคับประคอง และรักษาตามอาการเจ็บป่วย

ต่อไปนี้คือเคล็ดลับสำหรับสิ่งที่ควรทำในระหว่างการเจ็บป่วย:

  • ดื่มน้ำปริมาณมาก
  • ดื่มสารน้ำทดแทนที่มีเกลือแร่ อิเล็กโทรไลต์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก)
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันเนื่องจากอาจทำให้อาการท้องร่วงแย่ลง

คุณควรต้องไปโรคพยาบาบหากบุตรของท่านมี

  • อาเจียนอย่างต่อเนื่อง
  • ท้องร่วงบ่อยๆเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหรือนานกว่านั้น
  • มีไข้สูงถึง 104 ° F (40 ° C) หรือสูงกว่า
  • ซึมลง

          ปกติแล้วการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลจะ Admit ผู้ป่วยที่มีการสูญเสียน้ำอย่างรุนแรง และแพทย์จะพิจารณาให้สารน้ำทดแทนทางเส้นเลือดดำ เพื่อช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจคุกคามชีวิต

วัคซีนโรตาไวรัส

          วัคซีนโรตาไวรัสถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2006 วัคซีนมาในสองรูปแบบ โดยให้ทางหยอดเข้าทางปาก:Rotarix สำหรับทารกตั้งแต่ 6 ถึง 24 สัปดาห์ RotaTeq สำหรับทารกตั้งแต่ 6 ถึง 32 สัปดาห์

          ไม่มีวัคซีนสำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ ถึงแม้ว่าวัคซีนโรตาจะช่วยป้องกันโรคได้ แต่อย่างไรก็ตามไม่มีวัคซีนตัวไหนที่สามารถป้องกันโรคได้ 100 เปอร์เซนต์ คุณอาจจะต้องปรึกษากุมารแพทย์ เกี่ยวกับความเสี่ยงกับประโยชน์ของวัคซีนชนิดนี้ รวมถึงมาตรการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับบุตรหลานของคุณ ทารกที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องร่วมกันอย่างรุนแรงหรือผู้ที่ป่วยหนักอยู่แล้วไม่ควรได้รับวัคซีน

ผลข้างเคียงของวัคซีน (ปกติพบได้น้อยมาก) ได้แก่

  • อาการท้องเสีย
  • ไข้
  • ลำไส้กลืนกัน (พบได้น้อยมาก)
  •  

การควบคุมและป้องกัน

         การขาดน้ำอย่างรุนแรงเป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงของเชื้อโรตาไวรัส และนอกจากนี้ยังพบว่าเป็นสาเหตุที่พบมากที่สุดของการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโรตาทั่วโลก คุณควรปรึกษากุมารแพทย์ของคุณหากบุตรของคุณมีอาการโรตาไวรัสเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

การฉีดวัคซีนเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคโรตาไวรัสโดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ นอกจากนี้คุณยังสามารถช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโดยการล้างมือบ่อยๆและโดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนรับประทานอาหาร

เอกสารอ้างอิง

  • Rotavirus infection in adults. Anderson EJ, Weber SG. Lancet Infect Dis. 2004 Feb;4(2):91-9.
  • Estimated rotavirus deaths for children under 5 years of age: 2013, 215 000. (n.d.) who.int/immunization/monitoring_surveillance/burden/estimates/rotavirus/en/
  • Frequently asked questions about rotavirus. (n.d.). nfid.org/idinfo/rotavirus/faqs.html
  • Mayo Clinic Staff. (2016). Rotavirus: Overview. mayoclinic.org/diseases-conditions/rotavirus/home/ovc-20186926
  • Rotavirus. (2016). cdc.gov/rotavirus/index.html
  • Rotavirus and the vaccine (drops) to prevent it. (2014). cdc.gov/vaccines/parents/diseases/child/rotavirus.html
  • Rotavirus in the United States. (2016). cdc.gov/rotavirus/surveillance.html
  • Rotavirus vaccine safety. (2017). cdc.gov/vaccinesafety/vaccines/rotavirus-vaccine.html
  • Who should NOT get vaccinated with these vaccines? (2017). cdc.gov/vaccines/vpd/should-not-vacc.html

ร.อ. นพ. พันเลิศ ปิยะราช
ระบาดวิทยาคลินิค, ระบาดวิทยาโรคติดเชื้อ
ผู้ประพันธ์

Scroll to Top