ผู้ที่อายุเกิน 25 ปีขึ้นไป ไม่ควรกินเนื้อสัตว์ และไขมันมากเกินไป ควรกินโปรตีนจากพืช เช่น ถั่ว และงานแทน รวมทั้งดื่มนมสดด้วย
ภารกิจหลัก 10 ประการเพื่อชะลอความชรา
- กินคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ถูกดัดแปลง ขณะนี้อาหารแทบทุกอย่างที่วางขายในตลาดมักถูกดัดแปลงปรุงแต่งใหม่ เพื่อหลอกล่อผู้บริโภคเป็นอาหารที่ไม่มีคุณค่า แต่กลับเป็นผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย คาร์โบไฮเดรตจะถูกดัดแปลง หรือแฝงในรูปต่าง ๆ เช่น ข้าวที่ถูกสีจนขาว น้ำตาลทราบขาว ขนมหวาน ลูกกวาด น้ำอัดลม ฯลฯ เหล่านี้ต้องพยายามหลีกเลี่ยง และรับประทานอาหารต่อไปนี้แทน ได้ แก่ ข้าวซ้อมมือ ผลไม้สด ถั่ว ผัก และเมล็ดพืช
- ต้องกินโปรตีนให้เหมาะสม โปรตีนมีอยู่ในเมล็ดพืช ผัก มันฝรั่ง ถั่ว นมพร่องไขมัน และอาหารทะเล บางคนเข้าใจผิดว่า เนื้อวัวมีโปรตีนสูง แท้จริงแล้วไม่ถูกต้องนัก การที่เนื้อวัวให้พลังงานสูง เพราะมีโปรตีนมาก ร่างกายเราต้องการโปรตีนให้ได้สัดส่วนกับอาหารอื่น ถ้ากินมากเกินไป ร่างกายจะเปลี่ยนโปรตีนเป็นไขมันสะสม และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานมาใช้ได้อีก
- ควรหลีกเลี่ยงไขมัน เมื่ออายุมากขึ้นไขมันเป็นสิ่งทีพึงหลีกเลี่ยง เพราะก่อให้เกิดโรคหลายอย่าง นั่นคือควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ เนื้อแดง ไขมันสัตว์ น้ำมัน เนย มายองเนส แต่ควรบริโภคกรดไขมันที่จำเป็น และสำคัญที่สุดสำหรับร่างกาย ซึ่งพบในเมล็ดพืชทุกชนิด ผลไม้เปลือกแข็ง และข้าว การเก็บรักษาอาหารประเภทนี้ต้องใส่ภาชนะที่มีฝาปิด เพราะแสง ความร้อน และอากาศ สามารถทำลายกรดไขมันจำเป็นได้
- กินวิตามินที่ได้จากพืช และสัตว์ วิตามินธรรมชาติมีคุณภาพสูงกว่าวิตามนิสังเคราะห์ ยิ่งถ้าเราถูกกระทบจากความเครียดมาก ร่างกายยิ่งต้องการวิตามนิ และเกลือแร่ทดแทนมากกว่าคนปกติ
- ควรเน้นผัก และผลไม้สด อาหารในแต่ละวันควรเป็นผักสด และผลไม้ประมาณ 70% อีก 30% เป็นอาหารประเภทอื่น ๆ เพราะจะเป็นการเพิ่ม “พลังขับ” ซึ่งมี electromagnetic power สูงให้แก่ร่างกาย จะเห็นได้จากนักกีฬาชั้นนำระดับโลกต่างหันมาบำรุงร่างกายด้วยผัก และธัญพืชกันมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงอาหารปรุงแต่ง ได้แก่ อาหารหวานจัด อาหารสำเร็จรูป อาหารซึ่งมีสารเคมีเป็นส่วนผสม เช่น โซเดียมซึ่งมีอยู่ในเกลือ ผลชูรส ผงฟู และสารผสมอาหารต่าง ๆ อาหารเหล่านี้ไม่มีคุณค่า แต่กลับมีโทษต่อร่างกาย
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพราะร่างกายประกอบด้วยน้ำ 60-70% แต่ละวันเราสูญเสียน้ำไป 6-8% ของน้ำทั้งหมด น้ำจะเป็นตัวพาสารอาหารไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ควรดื่มน้ำสะอาดก่อนหรือหลังอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำย่อยทำงานเต็มที่ และตื่นนอนแต่เช้า ควรดื่มสัก 3-5 แก้ว งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ อย่างลืมว่าน้ำอัดลม และน้ำเกลือแร่ไม่มีคุณค่าอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
- กินอาหารแต่ละมื้อให้เหมาะสม ไม่ควรกินอาหารจนแน่นอึดอัด ควรกินแค่เกือบอิ่ม มื้อเช้าควรได้อาหารที่ให้พลังงาน เพราะต้องทำงานทั้งวัน มื้อกลางวันอย่ากินมากจนแน่นท้อง เพราะอาจง่วงเหงาหาวนอนในตอนบ่าย ส่วนมื้อเย็นควรเป็นอาหารทีเบาท้อง เพราะใกล้เข้านอน ในขณะที่เรานอนหลับ ควรให้กระเพาะและลำไส้ได้พักบ้าง
- กินอาหารตามฤดูกาล และที่มีอยู่ในท้องถิ่น เช่น พืช ผัก ผลไม้ ตามฤดูกาล จะทำให้ร่างกายมีความสมดุลกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ดี อาหารที่ผิดฤดู หรือที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ อาจเคลือบสารเคมี หรืออาบรังสีบางอย่างเอาไว้ อาจทำให้ร่างกายสูญเสียภูมิต้านทางบางส่วนได้ ในฤดูร้อนควรลดอาหารหนัก และในฤดูหนาวควรเพิ่มอาหารให้พลังงาน และความอบอุ่น หลายคนชอบกินอาหารฝรั่ง ซึ่งส่วนมากเป็นอาหารที่มีไขมันสูงเกินความต้องการของพวกเรา แต่เหมาะสำหรับประเทศเขา เพราะเป็นเมืองหนาว
- กินอย่างไรต้องดูว่าตัวเองเป็นอย่างไร และทำอะไร ไม่ใช่ทำงานนั่งโต๊ะในออฟฟิศซึ่งติดเครื่องปรับอากาศ แต่กินข้างแต่ละมื้อเท่ากรรมกรที่ทำงานใช้แรงงานกลางแดด
หลักการกิน 10 ประการนี้ คงช่วยเป็นแนวทางให้ผู้ที่รักตัวเองได้บ้าง ผนวกกับการดูแลเอาใจใส่ตัวเอง ด้วยการออกกำลังกาย และปฏิบัติธรรมแล้ว สุขภาพกาย และจิตใจของคุณจะดูน่าอิจฉา ไม่ว่าอายุจะล่วงเลยไปเท่าไรก็ตาม อย่าลืมว่า “คุณกินอย่างไรตัวคุณก็เป็นอย่างนั้น”
ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)
ผู้ประพันธ์