เครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัติการตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดมีความสำคัญมากในการวินิจฉัยโรคเลือดและโรคอื่นๆอีกหลายชนิด ถือเป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการพื้นฐานที่ควรรู้จัก เรียกว่า complete blood count (CBC) โดยทั่วไปแพทย์เลือกการตรวจที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย และกระทำอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด ปัจจุบันได้มีการนำเครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัติ (automated CBC) มาใช้อย่างแพร่หลาย พบว่าการตรวจด้วยเครื่องอัตโนมัติช่วยทุ่นแรงในการตรวจคัดกรองตัวอย่างเลือดปกติได้เป็นอย่างดี และยังสามารถช่วยในการวินิจฉัยโรคบางโรคได้อย่างแม่นยำในเบื้องต้น
เทคนิคที่ใช้ในการนับจำนวนเม็ดเลือดโดยเครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัติ มีสองวิธีใหญ่ๆคือ วิธีวัดเซลล์เม็ดเลือดที่วิ่งผ่านรูเล็กๆภายใต้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า และวิธีใช้แสงเลเซอร์ส่องผ่านไปยังเซลล์เม็ดเลือดแล้วตรวจดูการหักเหของแสงด้วยตัวรับในมุมต่างๆ สำหรับวิธีวัดเซลล์เม็ดเลือดที่วิ่งผ่านรูเล็กๆภายใต้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า เครื่องจะทำการตรวจสองครั้ง ครั้งแรกตรวจเลือดที่ทำให้เจือจางเพื่อตรวจนับเม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดก่อน โดยแยกที่ขนาดของเซลล์ เซลล์ที่มีขนาด 0.20 fl จะนับเป็นเกล็ดเลือดในขณะที่เซลล์ขนาด 50-200 fl จะนับเป็นเม็ดเลือดแดง การตรวจครั้งที่สอง เครื่องจะใช้ตัวอย่างเลือดที่ผสมสารซึ่งทำให้เม็ดเลือดแดงแตกเพื่อทำการตรวจนับเม็ดเลือดขาวอีกครั้งส่วนวิธีที่สองคือวิธีใช้แสงเลเซอร์ส่องผ่านไปยังเซลล์เม็ดเลือดแล้วตรวจดูการหักเหของแสงด้วยตัวรับในมุมต่างๆ วิธีนี้ใช้แสงเลเซอร์ส่องผ่านไปยังเซลล์เม็ดเลือด และตรวจดูการหักเหของแสงด้วยตัวรับในมุมต่างๆซึ่งรูปแบบของการหักเหนี้จะขึ้นอยู่กับจำนวนขนาด และส่วนประกอบภายในเซลล์การนับแยกเม็ดเลือดขาวมีได้หลายแบบขึ้นกับชนิดและหลักการทำงานของเครื่อง โดยอาจแบ่งเป็นแบบใหญ่ๆได้ดังนี้ แบบแรกแบ่งเม็ดเลือดขาวออกเป็น 3 ชนิดโดยดูขนาดของเซลล์ที่วัดได้ ขนาด30-90 fl เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟซัยท์ (lymphocyte) ขนาด 90-160 fl เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดโมโนนิวเคลียร์เซลล์ (mononuclear cell) และขนาด 160-450 fl เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดแกรนูโลซัยท์ (granulocyte)แบบที่สองจะแบ่งเม็ดเลือดขาวออกเป็น 5 ชนิดจากตำแหน่งของเซลล์ที่เกิดจากการหักเหของแสงเลเซอร์ที่ต่างกัน เครื่องจะมีคำเตือนเมื่อตรวจพบเซลล์ที่ผิดปกติ เช่น เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว แบบสุดท้ายจะแบ่งเม็ดเลือดขาวออกเป็น 6 ชนิด ใช้หลักการแยกเซลล์ด้วยเอ็นไซม์ เปอร์ออกซิเดส ร่วมกับการดูขนาดของเซลล์เมื่อได้ค่าที่วัดได้ต่างๆเรียบร้อยแล้ว เครื่องตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัติจะนำค่าเหล่านี้มาทำเป็นฮิสโตแกรม (histogram) เพื่อบอกถึงความผิดปกติในการกระจายของเม็ดเลือด ลักษณะเป็นกราฟที่แสดงการกระจายความถี่ของเซลล์ตามขนาดของเซลล์ซึ่งจะมีทั้งฮิสโตแกรมของเม็ดเลือดแดง ฮิสโตแกรมของเม็ดเลือดขาว และฮิสโตแกรมของเกล็ดเลือด ขึ้นกับชนิดของเครื่องที่ใช้ในการตรวจ
ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ ในเครือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)
ผู้ประพันธ์